“ปัจจุบัน เศรษฐกิจไทยกำลังขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคการลงทุนและการส่งออก ในช่วง 6 เดือนแรกของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร มูลค่าการส่งออกสินค้าเติบโตถึง 12.9% โดยในเดือนมีนาคม 2568 การส่งออกของไทยขยายตัวสูงถึง 17.8% คิดเป็นมูลค่า 29,548.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของไทย ขณะที่ยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนในไตรมาสแรก ปี 2568 ก็สูงถึง 431,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97% ถือเป็นสัญญาณบวกที่สะท้อนถึงศักยภาพของสินค้าไทย และความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อศักยภาพของประเทศไทย” นายพิชัยกล่าว
พร้อมระบุว่า ไทยมีศักยภาพและความมั่นคงด้านโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งพลังงาน จึงมีความพร้อมรองรับการขยายการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นโอกาสดีที่นักธุรกิจเยอรมนีสามารถเข้ามาลงทุนและขยายฐานการผลิตในไทย โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ใช้เทคโนโลยีนวัตกรรม เช่น ยานยนต์ วิศวกรรมเครื่องจักรกล PCB (แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์) และระบบจัดเก็บข้อมูล (Data Center) ทั้งนี้ ไทยยินดีอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนเยอรมนีที่ต้องการเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทย รวมทั้งแก้ไขปัญหาใด ๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากที่เข้ามาจัดตั้งธุรกิจแล้ว
นอกจากนี้ นายพิชัยฯ ได้เปิดเผยถึงความสำเร็จของรัฐบาลในการสร้างโอกาสทางการค้าและการลงทุนให้กับผู้ประกอบการ ผ่านการเร่งสร้างพันมิตรรายใหม่ด้วยการเจรจาจัดทำ FTA เช่น FTA ไทย- สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (เอฟตา) ที่สรุปผลและลงนามไปเมื่อต้นปีนี้ ส่งผลให้บรรยากาศการส่งออกของไทยไปยังเอฟตาในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 ขยายตัวต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้า
รวมถึง การเจรจา FTA ไทย – อียู ที่ขณะนี้มีความคืบหน้าในทิศทางบวกและเป็นที่น่าพอใจ โดยทั้งสองฝ่ายมีความมุ่งมั่นที่จะสรุปผลการเจรจาให้ได้ภายในปีนี้ ทั้งนี้ พลังสนับสนุนจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงภาคธุรกิจของเยอรมนีจะเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันให้ความตกลงการค้าฉบับนี้สามารถสรุปผลได้ตามเป้าหมายดังกล่าว ซึ่งจะเป็นการขยายโอกาสและยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-อียู และ ไทย-เยอรมนี ได้ต่อไป
ในปี 2567 เยอรมนีถือเป็นคู่ค้าอันดับที่ 1 ของไทยในสหภาพยุโรป การค้าระหว่างไทย – เยอรมนี มีมูลค่า 10,939.08 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นการส่งออกจากไทยไปเยอรมนี 5,331.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขณะที่ไทยนำเข้าจากเยอรมนี 5,607.83 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้านำเข้าที่สำคัญ เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ