??รัฐมนตรีเศรษฐกิจ 18 ประเทศ ร่วมถกแนวทางรับมือสถานการณ์โควิค-19
หวังฟื้นฟูเศรษฐกิจในภูมิภาค เน้นย้ำสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ
ลดอุปสรรคทางการค้า พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เชื่อมโยงเครือข่ายภาคเอกชนระหว่างประเทศ
หนุนความร่วมมือด้านสาธารณสุข
พร้อมสร้างความมั่นใจการเข้าถึงวัคซีนที่ปลอดภัยอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
นายดวงอาทิตย์ นิธิอุทัย
รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์)
ได้มอบหมายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจในกรอบการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก
(EAS-EMM)
ครั้งที่ 9 ผ่านระบบการประชุมทางไกล
เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2564
โดยการประชุมครั้งนี้ รัฐมนตรีเศรษฐกิจ 18 ประเทศ ประกอบด้วย
อาเซียน และคู่เจรจา 8 ประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้
อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย
ได้ร่วมหารือแนวทางการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิค-19 และแนวทางความร่วมมือเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในภูมิภาค
นายดวงอาทิตย์ เพิ่มเติมว่า ที่ประชุม EAS ได้เน้นย้ำถึงเป้าหมายสำคัญเพื่อสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ อาทิ (1)
การอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน
หลีกเลี่ยงการใช้มาตรการที่มิใช่ภาษีที่เข้มงวด
โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าและบริการที่จำเป็น เพื่อลดอุปสรรคทางการค้าและไม่เลือกปฏิบัติ
และรักษาความสามารถในการแข่งขันเพื่อดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลก (2) ส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน
สนับสนุนธุรกิจและพัฒนานวัตกรรมสีเขียว
สร้างความเชื่อมโยงของห่วงโซ่การผลิตโดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล และ (3)
เสริมสร้างสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและการลงทุน
เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นทางธุรกิจในภูมิภาค
ตลอดจนการเชื่อมโยงเครือข่ายภาคเอกชนระหว่างประเทศ
นอกจากนี้
ที่ประชุมยังเห็นความสำคัญของความร่วมมือด้านสาธารณสุข และสร้างความมั่นใจการเข้าถึงวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
เน้นให้ทุกภาคส่วนเห็นความสำคัญของความมั่นคงทางสาธารณสุข อาหาร และพลังงาน
พร้อมทั้งสนับสนุนการดำเนินงานตามกรอบการฟื้นฟูที่ครอบคลุมของอาเซียน (ACRF) เพื่อกำหนดทิศทางและกลยุทธ์การฟื้นฟูสังคมและเศรษฐกิจ
ตลอดจนกองทุนอาเซียนเพื่อรับมือโควิด-19
ที่จะช่วยบรรเทาความต้องการเร่งด่วนของสมาชิก
ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศสมาชิก EAS
ภายหลังวิกฤตโควิด-19
ทั้งนี้ ในปี 2563 การค้าระหว่างไทยกับกลุ่มประเทศอาเซียน+8 มีมูลค่า 313,180.4 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกไปกลุ่มประเทศอาเซียน+8 มูลค่า 164,015.7 ล้านเหรียญสหรัฐ
และนำเข้าจากกลุ่มประเทศอาเซียน+8 มูลค่า 149,164.6 ล้านเหรียญสหรัฐ และในช่วง 7 เดือนแรก (ม.ค. –
ก.ค.) ของปี 2564 การค้าระหว่างไทยกับกลุ่มประเทศอาเซียน+8 มีมูลค่า 219,922.40 ล้านเหรียญสหรัฐ
ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 22.6%
โดยไทยส่งออกมูลค่า 112,642.3 ล้านเหรียญสหรัฐ
และนำเข้ามูลค่า 107,280.1 ล้านเหรียญสหรัฐ
ตลาดส่งออกและแหล่งนำเข้าสำคัญของไทยในเอเชียตะวันออก ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น
สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย และเวียดนาม สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปกลุ่มประเทศดังกล่าว
เช่น เม็ดพลาสติก ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ
ไก่แปรรูป และผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์
17 กันยายน 2564