กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์ จัดสัมมนาออนไลน์เผยแพร่ผลการศึกษาการจัดทำ FTA
ไทย - EFTA ชี้! จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยขยายตัว
กลุ่มสินค้าและบริการได้ประโยชน์เพิ่ม ด้านเอกชนหนุนทำ FTA แนะผู้ประกอบการเตรียมพร้อมแข่งขันในตลาด
EFTA ส่วนภาคประชาสังคมย้ำรัฐต้องเจรจาอย่างรอบคอบ
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม
อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยผลการจัดสัมมนาออนไลน์ เรื่อง “FTA
ไทย - EFTA กับโมเดลเศรษฐกิจใหม่หลัง COVID-19” เมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา ว่า การสัมมนาครั้งนี้ กรมฯ
ได้เผยแพร่ผลการศึกษาการจัดทำ FTA ไทย-สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป
(EFTA) โดยได้เชิญวิทยากรจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เกษตรกร
และประชาสังคม ร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องการเจรจาจัดทำ FTA ไทย - EFTA รวมถึงโอกาสและความท้าทายของการเจรจาฯ
และแนวทางการปรับตัวและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ให้กับผู้เข้าร่วมสัมมนาฯ จากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
อาทิ ภาคเอกชน และภาคเกษตร
ศาสตราจารย์ ดร. เกรียงศักดิ์
เจริญวงศ์ศักดิ์ ประธานสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา (IFD)
ได้ร่วมบรรยายพิเศษ เรื่อง “โมเดลเศรษฐกิจใหม่หลังโควิด-19”
โดยระบุว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน อาทิ
การแบ่งขั้วภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างตะวันออกและตะวันตก
มาตรฐานโลกใหม่ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องธรรมาภิบาล ความโปร่งใส สิทธิมนุษยชน
สุขภาพ สิ่งแวดล้อม และการเชื่อมโยงกับห่วงโซ่การผลิตโลก
ทำให้ไทยต้องเร่งสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน รวมถึงพัฒนาสินค้าให้มีเอกลักษณ์
โดยเฉพาะอาหาร สมุนไพร และเกษตรแปรรูป
เน้นการค้าอิเล็กทรอนิกส์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล
รวมทั้งไทยต้องร่วมผลักดันให้อาเซียนเป็นศูนย์กลางการค้าในภูมิภาค
ด้านนายทวีชัย เจริญเศรษฐศิลป์
ผู้อำนวยการวิจัยของ IFD ได้นำเสนอผลการศึกษา
เรื่องการจัดทำ FTA กับ EFTA จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยขยายตัว
ส่งผลดีต่อการส่งออกและการลงทุน โดยกลุ่มสินค้าที่จะได้ประโยชน์ เช่น
ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผัก และผลไม้
สิ่งทอ/เครื่องแต่งกาย เป็นต้น ส่วนสาขาบริการที่จะได้ประโยชน์ เช่น บริการสุขภาพ
โทรคมนาคม และบริการทางการเงิน เป็นต้น พร้อมเสนอให้ภาครัฐพัฒนาฐานข้อมูลตลาด EFTA
เพื่อให้เอกชน โดยเฉพาะ SMEs ใช้ประโยชน์
รวมทั้งส่งเสริมการฝึกอบรมทักษะให้กับพนักงาน พัฒนามาตรฐานสินค้า
เร่งลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ตลอดจนชดเชยและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบผ่านกองทุน
FTA
วิทยากรจากภาคเอกชน ได้แก่ คุณชูศักดิ์
ชื่นประโยชน์ จากคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) คุณนฤพนธ์ เตชะวัฒนวรรณา
จากหอการค้าไทย-สวิตเซอร์แลนด์ และ ดร.ศุภฤกษ์ ชมชาญ จากหอการค้าไทย-นอร์เวย์
พร้อมสนับสนุนการทำ FTA กับ EFTA เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี
ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศไทย ทั้งนี้
ภาครัฐต้องเตรียมความพร้อมและสร้างความสามารถทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ
รวมทั้งเร่งปฏิรูปกฎระเบียบของไทยให้เอื้อต่อการดึงดูดการค้าและการลงทุน
ขณะที่คุณประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์
ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ เห็นว่า สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบรุนแรงต่อภาคเกษตร
ดังนั้น หากไทยจัดทำ FTA รัฐควรเตรียมความพร้อมให้กับภาคเกษตรทั้งในเชิงรุกและรับ
รวมถึงมาตรการเยียวยาผลกระทบที่เป็นรูปธรรม ด้านคุณกรรณิการ์ กิจติเวชกุล จาก FTA
Watch ระบุว่า ผลการศึกษา
ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ของการเปิดเสรีบริการ ที่จะลดการผูกขาดในประเทศ
ขณะเดียวกันไทยจะต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องที่ EFTA ให้ความสำคัญ
ทั้งด้านสังคม การเมือง และการคุ้มครองสิทธิมนุยชน
สำหรับการเจรจาควรระมัดระวังในประเด็นสำคัญ อาทิ
การยอมรับเงื่อนไขการเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการรับรองพันธุ์พืชใหม่ (UPOV
1991) การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาที่จะเชื่อมโยงกับการเข้าถึงยา
และการคุ้มครองการลงทุนที่อาจกระทบต่อการใช้มาตรการที่จำเป็นในการปกป้องผลประโยชน์สาธารณะ
ทั้งนี้ EFTA
เป็นคู่ค้าลำดับที่ 12 ของไทย ในปี 2563 การค้ารวมไทย-EFTA มีมูลค่า 10,445.34 ล้านเหรียญสหรัฐ
คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 2.38 ของการค้าไทยในตลาดโลก โดยไทยส่งออกไป EFTA มูลค่า 7,799.77 ล้านเหรียญสหรัฐ และไทยนำเข้าจาก EFTA
มูลค่า 2,645.57 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับในช่วง
7 เดือนแรกของปี 2564 (ม.ค-ก.ค.) การค้ารวมไทย-EFTA มีมูลค่า
4,738.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 27%
โดยไทยส่งออกไป EFTA มูลค่า 1,032.74
ล้านเหรียญสหรัฐ และไทยนำเข้าจาก EFTA มูลค่า 3,705.77 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ
นาฬิกาและส่วนประกอบ และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้านำเข้าสำคัญ
เช่น เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ
เป็นต้น
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถรับชมการสัมมนาย้อนหลังและร่วมแสดงความคิดเห็น
ได้ที่ Facebook
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์
29
กันยายน 2564