รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนหารือฟื้นเจรจา
FTA
กับสหภาพยุโรป
เล็งจัดประชุมผู้เชี่ยวชาญสร้างความเข้าใจประเด็นการค้าใหม่
พร้อมร่วมมือฟื้นฟูเศรษฐกิจจากโควิด-19 การหารือกับยูเคครั้งแรก
เคาะร่วมมือเศรษฐกิจ 11 เรื่อง ด้านสวิตเซอร์แลนด์
มอบเจ้าหน้าที่อาวุโสเร่งสรุปความร่วมมืออาเซียน-เอฟตา
ส่วนรัสเซียเห็นพ้องปรับแผนร่วมมือการค้า ลงทุน เดินหน้าร่วมมือยูเรเซีย
ดร.สรรเสริญ สมะลาภา
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงกลางเดือนกันยายน 2564
ที่ผ่านมา ได้รับมอบหมายจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนกับรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจของคู่ค้าสำคัญ
ได้แก่ สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร สวิตเซอร์แลนด์ และรัสเซีย ผ่านการประชุมทางไกล
เพื่อกระชับความสัมพันธ์
และติดตามความคืบหน้าความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างกัน
โดยการประชุมร่วมกับกรรมาธิการยุโรปด้านการค้า
ได้เห็นชอบแผนงานด้านการค้าและการลงทุนร่วมกัน
การหารือเกี่ยวกับการเตรียมการเจรจาความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-สหภาพยุโรป
โดยจะจัดประชุมระดับผู้เชี่ยวชาญเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันในประเด็นการค้าใหม่ ๆ
เช่น พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ และการค้าและพัฒนาที่ยั่งยืน
และเห็นพ้องที่จัดประชุมระดับรัฐมนตรีและระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอย่างน้อยปีละ
1 ครั้ง
รวมถึงกิจกรรมความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียนให้แน่นแฟ้นขึ้น
ขณะเดียวกัน
ได้หารือเกี่ยวกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของโควิด-19
โดยเห็นพ้องถึงความสำคัญของ
ความร่วมมือกันในเรื่องการเข้าถึงวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพและคุณภาพ
ความร่วมมือในด้านดิจิทัล การพัฒนาที่ยั่งยืน
การส่งเสริมความเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทานระหว่างกันเพื่อให้ระบบเศรษฐกิจมีความยืดหยุ่น
และจะร่วมกันปฏิรูปองค์การการค้าโลก (WTO) ตลอดจนจะผลักดันให้การประชุมรัฐมนตรี
WTO ครั้งที่ 12 ในช่วงปลายเดือนพ.ย.2564 บรรลุผลสำเร็จ
ทั้งนี้
รัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายยังได้พบหารือกับสภาธุรกิจสหภาพยุโรป-อาเซียน (EU-ASEAN
Business Council: EU-ABC) โดยภาคเอกชนได้ให้ข้อคิดเห็นต่ออาเซียนหลายประการ
อาทิ ขอให้ลดการใช้มาตรการการค้าที่มิใช่ภาษีระหว่างกัน
ควรให้มีกฎระเบียบด้านมาตรฐานสินค้าเหมือนหรือใกล้เคียงกันมากที่สุด
ส่งเสริมความคุ้มครองด้านทรัพย์สินทางปัญญามากขึ้น
การส่งเสริมพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
การจัดการด้านข้อมูลเพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล
การอนุญาตการเดินทางข้ามพรมแดนระหว่างกัน เป็นต้น
ซึ่งไทยได้ย้ำถึงความสำคัญของการทำ FTA ระหว่างกัน
และสนับสนุนข้อเสนอแนะของภาคธุรกิจเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการค้าการลงทุนในภูมิภาค
ดร.สรรเสริญกล่าวว่า
สำหรับการหารือระหว่างรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนกับนางเอลิซาเบธ ทรัส
รัฐมนตรีกระทรวงการค้าระหว่างประเทศของสหราชอาณาจักร (ยูเค)
ถือเป็นการประชุมกันเป็นทางการครั้งแรก
หลังจากที่ยูเคได้รับสถานะเป็นประเทศคู่เจรจาของอาเซียนเมื่อวันที่ 2
ส.ค.2564 ที่ผ่านมา
โดยที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบต่อปฏิญญาร่วมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนาคตระหว่างอาเซียนและยูเคใน
11 เรื่อง
และได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่ายหารือกันเพื่อกำหนดแผนการดำเนินความร่วมมือใน
รายละเอียดต่อไป ซึ่งไทยสนับสนุน
เพราะเป็นประโยชน์ต่ออาเซียน
ทั้งประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาที่ยั่งยืน
การรับมือกับความท้าทายในปัจจุบันและอนาคต เช่น การฟื้นฟูเศรษฐกิจจากโควิด-19 และการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย
การเรียนรู้ในประเด็นที่ยูเคมีความเชี่ยวชาญ เช่น นวัตกรรมดิจิทัล
บริการทางการเงิน และการศึกษา และการส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน เช่น
การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานอาเซียน-ยูเค
ส่วนการหารือกับสวิตเซอร์แลนด์
ได้ติดตามการจัดทำเอกสาร Joint
Declaration of Cooperation (JDC) ระหว่างอาเซียนและเอฟตา (สวิตเซอร์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์)
โดยเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่อาวุโสทั้งสองฝ่ายเร่งหาข้อสรุปภายในปีนี้
และได้หารือความร่วมมือระหว่างกันภายใต้แผนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างอาเซียน-สวิตเซอร์แลนด์ในช่วงปี
2022-2026 ซึ่งไทยได้เน้นย้ำในประเด็นการค้าชีวภาพ (Bio
Trade) เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมในการทำธุรกิจสีเขียวและสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน
และให้ความสำคัญกับการส่งเสริมนวัตกรรมและเศรษฐกิจดิจิทัล
เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
ทางด้านผลการหารือกับรัสเซีย
ได้ติดตามแผนความร่วมมือการค้าและการลงทุนอาเซียน-รัสเซียภายหลังปี 2560 โดยมีโครงการที่ดำเนินการร่วมกัน 25 โครงการ มูลค่า
7.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เช่น เกษตรและประมง วิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและนวัตกรรม MSMEs สุขภาพ วัฒนธรรมและเยาวชน
การท่องเที่ยว พลังงาน เป็นต้น ซึ่งที่ประชุมได้เห็นชอบการปรับปรุงแผนความร่วมมือ
แผนปฏิบัติการด้านการค้าการลงทุนสำหรับปี 2564–2568
เพื่อให้ทั้งสองภูมิภาคได้ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันให้เน้นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
อันเป็นการเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 25
ปีของความสัมพันธ์อาเซียน-รัสเซียด้วย และยังได้ติดตามความร่วมมือระหว่างอาเซียนและสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย
ซึ่งรัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายได้รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนงาน เช่น
การจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในเรื่องแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังการระบาดของไวรัสโควิด-19
กระทรวงพาณิชย์
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
30 กันยายน 2564