กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์
เผยความคืบหน้าจากเวทีประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น
สองฝ่ายเตรียมยกร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจการเติบโตด้านนวัตกรรมและความยั่งยืน
ช่วยพัฒนาอุตสาหกรรม พัฒนาเขตชนบทและเขตเมือง แย้มข่าวดี ความร่วมมือ AJCEP
ฉบับอัปเกรดใกล้มีผลบังคับใช้ มั่นใจ! ช่วยยกระดับการค้า
การค้าบริการ การลงทุนของประเทศสมาชิกได้มาก
นายดวงอาทิตย์ นิธิอุทัย รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม
อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ให้ร่วมการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น
ครั้งที่ 2/26 เมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
ผ่านระบบประชุมทางไกล โดยในการประชุมครั้งนี้
ญี่ปุ่นได้เสนอให้อาเซียนร่วมจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจเรื่องการเติบโตด้านนวัตกรรมและความยั่งยืนระหว่างอาเซียน
- ญี่ปุ่น ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อนำนวัตกรรมและแนวทางการเติบโตอย่างยั่งยืนมาช่วยยกระดับการพัฒนาใน
3 ด้าน ได้แก่ ด้านอุตสาหกรรม ด้านการพัฒนาเขตชนบท
และด้านการพัฒนาเขตเมือง เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจให้พ้นวิกฤตโควิค-19 ได้ดีและเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งจะหยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นหารือในเวทีการประชุมระดับรัฐมนตรีในเดือนหน้า
นายดวงอาทิตย์
ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าการขยายความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-ญี่ปุ่น (AJCEP)
ให้ครอบคลุมเรื่องการค้าบริการ การเคลื่อนย้ายบุคคลธรรมดา
และการลงทุน จากเดิมที่เป็นเพียงการเปิดตลาดการค้าสินค้าเท่านั้น โดยที่ประชุมได้รับแจ้งจากอินโดนีเซียซึ่งเป็นเพียงประเทศเดียวที่ยังไม่ให้สัตยาบันต่อพิธีสารการขยายความตกลง
AJCEP ว่า
การดำเนินกระบวนการภายในของอินโดนีเซียเพื่อดำเนินการดังกล่าวใกล้เสร็จสิ้นแล้ว
และคาดว่าจะสามารถให้สัตยาบันก่อนการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่นที่จะมีขึ้นในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้
ซึ่งจะส่งผลให้ความตกลงฉบับปรับปรุงมีผลบังคับใช้ในไม่ช้า เพื่อช่วยส่งเสริมการค้า
การค้าบริการ การลงทุนของประเทศสมาชิกได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ขณะที่ในส่วนของการบังคับใช้ตารางการลดภาษี
(TRS) ในระบบ HS2017 นั้น
กัมพูชาก็ได้แจ้งว่าจะเร่งกระบวนการภายในเพื่อให้สามารถบังคับใช้ได้ทันก่อนการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนในเดือนกันยายนนี้
เช่นกัน นายดวงอาทิตย์ เสริม
อาเซียนและญี่ปุ่นมีแผนปฏิบัติการด้านความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น
เพื่อรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี
2563 ซึ่งปัจจุบันมีการจัดทำโครงการในภูมิภาคอาเซียน ทั้งหมด
92 โครงการ เป็นโครงการที่ทำกับภาคธุรกิจไทย 22 โครงการ นอกจากนี้
ยังมีโครงการความร่วมมือของธุรกิจอาเซียน-ญี่ปุ่นโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ทั้งหมด 40
โครงการ เป็นโครงการทำกับไทยจำนวน 9 โครงการ
ซึ่งช่วยผลักดันการอำนวยความสะดวกทางการค้าต่างๆ
ทั้งนี้
ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน –
ญี่ปุ่นมีส่วนสำคัญทำให้การค้าในภูมิภาครวมถึงการค้าระหว่างไทยกับญี่ปุ่นเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 การค้าระหว่างไทยกับญี่ปุ่นมีมูลค่า 30,197
ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 21.2% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า
โดยไทยส่งออกไปญี่ปุ่น 12,565 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 12.6%
และนำเข้าจากญี่ปุ่น 17,632 เพิ่มขึ้น 28.2%
สินค้าที่ไทยได้ประโยชน์จากกรอบความตกลงดังกล่าว เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เคมีภัณฑ์อินทรีย์ ผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรม เครื่องหอมหรือเครื่องสำอาง
เครื่องหนังและสารฟอกหนัง เป็นต้น
------------------------------
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
27 สิงหาคม 2564