กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เผยผลสัมมนาออนไลน์
ชี้! ธุรกิจอาหารมีโอกาสโตในตลาดมาเลเซียและอาเซียนสูง
โดยเฉพาะสินค้าฮาลาล แนะพัฒนาคุณภาพมาตรฐาน ผลิตสินค้าตอบโจทย์ผู้บริโภค
สร้างเอกลักษณ์ช่วยเพิ่มมูลค่า หนุนใช้ประโยชน์จาก FTA สร้างแต้มต่อส่งออกไปตลาดประเทศคู่ค้า
นางอรมน
ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยผลการจัดสัมมนาออนไลน์
เรื่อง “รู้ลึกก่อนใคร โอกาสการค้าชายแดนใต้สู่ตลาดการค้าเสรีอาเซียน”
เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ว่า สินค้าของดีในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ สงขลา
ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส มีโอกาสขยายไปตลาดต่างประเทศสูงมาก
โดยเฉพาะตลาดมาเลเซียและอาเซียน
ซึ่งผู้ประกอบการต้องศึกษาตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน และ
ยกระดับคุณภาพมาตรฐานของสินค้า โดยเฉพาะสินค้าและบริการฮาลาล
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค
พร้อมทั้งใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) สร้างแต้มต่อส่งออกไปตลาดประเทศคู่ค้าได้เพิ่มขึ้น
นายวรวรรณ วรรณวิล
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย
ให้ข้อมูลว่า มาเลเซียนำเข้าสินค้าไทยเพื่อการบริโภคภายในประเทศ
และส่งออกไปตลาดโลก
โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าฮาลาลไปจีนและกลุ่มประเทศองค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC)
ซึ่งมีสมาชิกถึง 57 ประเทศ
จึงเห็นโอกาสของผู้ประกอบการใน 4 จังหวัดชายแดนใต้
ที่จะขยายส่งออกสินค้าไปตลาดมาเลเซียเพิ่มขึ้น
ด้านนายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เสริมว่า
แม้ไทยจะเผชิญสถานการณ์โควิด-19 แต่ธุรกิจอาหารมีอัตราการเติบโตในตลาดมาเลเซียสูงมาก
โดยเฉพาะสินค้าอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เนื่องจากผู้บริโภคต้องการภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
เพื่อช่วยป้องกันตนเองจากการติดเชื้อโควิด-19 รวมทั้งเครื่องปรุงรส
ผักผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็ง อาหารสัตว์เลี้ยง และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง
และยังสนับสนุนความร่วมมือเรื่องมาตรฐานสินค้าและบริการฮาลาลระหว่างไทย มาเลเซีย
และอินโดนีเซีย เพื่อขยายการส่งออก นอกจากนี้ จังหวัดชายแดนใต้ยังมีจุดแข็ง
ทั้งถนน ด่านชายแดน และวัฒนธรรมมุสลิมที่เชื่อมโยงกับตลาดมาเลเซีย
ดร.ตติยะ ฉิมพาลี ประธานสภาอุตสาหกรรมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน
ให้ข้อมูลว่า เศรษฐกิจการค้าในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ คิดเป็น 1%
ของ GDP ของประเทศ หากนำ AI มาใช้ในการทำธุรกิจ
โดยเฉพาะการเกษตรจะช่วยให้เกิดความแม่นยำเรื่องการผลิตมากขึ้น ทางด้าน ดร.นราธิป
อ่ำเที่ยงตรง ที่ปรึกษาด้านการตลาด การขาย การบริการ และพัฒนาศักยภาพบุคลากร
และองค์กรภาครัฐและเอกชน แนะให้ผู้ประกอบการปรับตัวและศึกษาตลาดสมัยใหม่ เช่น
ตลาดอินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้บริโภค Gen
Y ที่เน้นใช้สินค้าที่มีคุณภาพและมีราคาที่คุ้มค่า
จึงควรทำกลยุทธ์การตลาดทั้งการจับคู่ธุรกิจ และการผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค
รวมทั้งพัฒนาสินค้าและบริการที่มีคุณภาพมาตรฐาน มีแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์
และสร้างเอกลักษณ์ของสินค้า บอกเล่าเรื่องราวความเป็นไทย
ซึ่งจะช่วยสร้างคุณค่าให้กับสินค้าได้มากขึ้น
ด้านนางนฤมล แก้วมุกดากุล
ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต.
ให้ข้อมูลการดำเนินโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคและปลูกหญ้าเนเปียร์
การเลี้ยงไก่ฮาลาลและแปรรูป ให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ เพื่อสร้างอาชีพ
เพิ่มรายได้ และป้องกันการละทิ้งถิ่นฐาน ขณะที่พาณิชย์จังหวัดใน 4
จังหวัดชายแดนใต้
ได้สนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง เช่น
จัดกิจกรรมอบรมสัมมนาให้ความรู้ด้านต่างๆ ผ่านระบบออนไลน์
การขึ้นทะเบียนสินค้าในพื้นที่เป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เช่น ปลากุเลาตากใบ ลูกหยียะรัง ทุเรียนทรายขาว และการนำสินค้าขึ้นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ
Facebook Live ของกลุ่มจังหวัด
และการอำนวยความสะดวกการค้าชายแดน เป็นต้น
-------------------------------------
18 สิงหาคม
2564