นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้เป็นเจ้าภาพเปิดการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee: JTC) ไทย-เวียดนาม ครั้งที่ 4 ร่วมกับนายเหวียน ห่ง เซียน (H.E. Mr. Nguyen Hong Dien) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของประเทศเวียดนาม พร้อมด้วย นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายวิจักร วิเศษน้อย คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และผู้แทนหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม ณ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ
ทั้งนี้ มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับเวียดนาม เมื่อปีที่แล้วมีมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้มีการตั้งเป้าปี 2025 จะเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันเป็น 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายจุรินทร์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ ฝ่ายไทยได้เสนอขอความสนับสนุนจากทางเวียดนาม หลายประเด็น ดังนี้ ประเด็นที่หนึ่ง ขอให้ทางการเวียดนามช่วยเจรจากับรัฐบาลจีนในฐานะประเทศที่มีชายแดนติดกัน เพื่ออำนวยความสะดวกการส่งผลไม้ไทยผ่านด่านเวียดนามไปจีน อาทิ 1.ด่านโหย่วอี้กวานของจีน ที่อยู่ตรงข้ามกับด่านหวูหงิของเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันเปิดทำการตั้งแต่ 8.00-19.00 น. ขอให้เวียดนามช่วยเจรจากับจีนให้เปิดเป็น 24 ชั่วโมง 2.ด่านรถไฟผิงเสียงกับด่านรถไฟด่งดังของเวียดนาม เปิดทำการ 8.30-18.00 น. ขอให้ขยายเป็น 24 ชั่วโมง 3.ด่านตงซิงของจีนกับด่านหม่องก๋ายของเวียดนามซึ่งขณะนี้ปิดทำการ จึงขอให้ทางเวียดนามช่วยเจรจาอีกครั้งให้เปิดด่านต่อไป
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้เป็นเจ้าภาพเปิดการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee: JTC) ไทย-เวียดนาม ครั้งที่ 4 ร่วมกับนายเหวียน ห่ง เซียน (H.E. Mr. Nguyen Hong Dien) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของประเทศเวียดนาม พร้อมด้วย นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายวิจักร วิเศษน้อย คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และผู้แทนหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม ณ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ
ทั้งนี้ มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับเวียดนาม เมื่อปีที่แล้วมีมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้มีการตั้งเป้าปี 2025 จะเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันเป็น 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายจุรินทร์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ ฝ่ายไทยได้เสนอขอความสนับสนุนจากทางเวียดนาม หลายประเด็น ดังนี้ ประเด็นที่หนึ่ง ขอให้ทางการเวียดนามช่วยเจรจากับรัฐบาลจีนในฐานะประเทศที่มีชายแดนติดกัน เพื่ออำนวยความสะดวกการส่งผลไม้ไทยผ่านด่านเวียดนามไปจีน อาทิ 1.ด่านโหย่วอี้กวานของจีน ที่อยู่ตรงข้ามกับด่านหวูหงิของเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันเปิดทำการตั้งแต่ 8.00-19.00 น. ขอให้เวียดนามช่วยเจรจากับจีนให้เปิดเป็น 24 ชั่วโมง 2.ด่านรถไฟผิงเสียงกับด่านรถไฟด่งดังของเวียดนาม เปิดทำการ 8.30-18.00 น. ขอให้ขยายเป็น 24 ชั่วโมง 3.ด่านตงซิงของจีนกับด่านหม่องก๋ายของเวียดนามซึ่งขณะนี้ปิดทำการ จึงขอให้ทางเวียดนามช่วยเจรจาอีกครั้งให้เปิดด่านต่อไป
ประเด็นที่ห้า ขอให้เวียดนามสนับสนุนให้ไทยใช้แพลตฟอร์มของเวียดนามเป็นช่องทางในการกระจายสินค้าสู่มือผู้บริโภคต่อไป ไม่ว่าจะเป็น Shopee Lazada เวียดนาม TIKKI และ Sendo ซึ่งท่านรัฐมนตรีเวียดนามสนับสนุนและไทยจะสนับสนุนให้สินค้าเวียดนามเข้ามาขายในแพลตฟอร์มไทยด้วยเช่นเดียวกัน
ประเด็นที่หก ขอให้เวียดนามสนับสนุนการลงทุนด้านพลังงานสะอาดของนักลงทุนไทยในเวียดนาม เร่งเปิดการประชุมร่วมในการส่งเสริมพลังงานสะอาดเพื่อเพิ่มการลงทุนระหว่างกันโดยเร็วที่สุด เบื้องต้นควรดำเนินการได้ในไตรมาสที่ 2 หรือ 3 เป็นอย่างช้าในปีนี้
ประเด็นที่เจ็ด ประเด็นแรงงานเวียดนาม ขอให้เวียดนามสนับสนุนแรงงานเพิ่มเติมจากปัจจุบัน ประมงกับก่อสร้าง ขอให้เพิ่มอีก 2 สาขาคือ แม่บ้านและผู้ใช้แรงงาน
ประเด็นที่แปด ขอให้เวียดนามเร่งขึ้นทะเบียนจีไอ สำหรับลำไยอบแห้งเนื้อสีทองลำพูนของไทยที่ไปขอขึ้นทะเบียนไว้
สำหรับประเด็นที่ท่านรัฐมนตรีเวียดนามได้นำมาหารือ ดังนี้ ประเด็นแรก เรื่องการขาดดุลการค้าที่เวียดนามขาดดุลการค้ากับไทยมาก ซึ่งตนพร้อมที่จะช่วยสนับสนุนงานต่างๆที่เวียดนามจะมาจัดในไทย อย่างไรก็ตาม ปีที่แล้วการนำเข้าสินค้าเวียดนามมาไทยเป็นบวกถึง 27%
ประเด็นที่สอง เวียดนามขอให้ไทยเร่งออกใบอนุญาตนำเข้าผลไม้ 5 ชนิด คือ ส้มโอ น้อยหน่า เสาวรส ลูกน้ำนม และเงาะ ซึ่งไทยได้เสนอให้เวียดนามใช้ช่องทาง MoU ที่ทำกับกระทรวงเกษตรฯของไทยเป็นเวทีหารือต่อไป
ประเด็นที่ห้า ขอให้เวียดนามสนับสนุนให้ไทยใช้แพลตฟอร์มของเวียดนามเป็นช่องทางในการกระจายสินค้าสู่มือผู้บริโภคต่อไป ไม่ว่าจะเป็น Shopee Lazada เวียดนาม TIKKI และ Sendo ซึ่งท่านรัฐมนตรีเวียดนามสนับสนุนและไทยจะสนับสนุนให้สินค้าเวียดนามเข้ามาขายในแพลตฟอร์มไทยด้วยเช่นเดียวกัน
ประเด็นที่หก ขอให้เวียดนามสนับสนุนการลงทุนด้านพลังงานสะอาดของนักลงทุนไทยในเวียดนาม เร่งเปิดการประชุมร่วมในการส่งเสริมพลังงานสะอาดเพื่อเพิ่มการลงทุนระหว่างกันโดยเร็วที่สุด เบื้องต้นควรดำเนินการได้ในไตรมาสที่ 2 หรือ 3 เป็นอย่างช้าในปีนี้
ประเด็นที่เจ็ด ประเด็นแรงงานเวียดนาม ขอให้เวียดนามสนับสนุนแรงงานเพิ่มเติมจากปัจจุบัน ประมงกับก่อสร้าง ขอให้เพิ่มอีก 2 สาขาคือ แม่บ้านและผู้ใช้แรงงาน
ประเด็นที่แปด ขอให้เวียดนามเร่งขึ้นทะเบียนจีไอ สำหรับลำไยอบแห้งเนื้อสีทองลำพูนของไทยที่ไปขอขึ้นทะเบียนไว้
สำหรับประเด็นที่ท่านรัฐมนตรีเวียดนามได้นำมาหารือ ดังนี้ ประเด็นแรก เรื่องการขาดดุลการค้าที่เวียดนามขาดดุลการค้ากับไทยมาก ซึ่งตนพร้อมที่จะช่วยสนับสนุนงานต่างๆที่เวียดนามจะมาจัดในไทย อย่างไรก็ตาม ปีที่แล้วการนำเข้าสินค้าเวียดนามมาไทยเป็นบวกถึง 27%
ประเด็นที่สอง เวียดนามขอให้ไทยเร่งออกใบอนุญาตนำเข้าผลไม้ 5 ชนิด คือ ส้มโอ น้อยหน่า เสาวรส ลูกน้ำนม และเงาะ ซึ่งไทยได้เสนอให้เวียดนามใช้ช่องทาง MoU ที่ทำกับกระทรวงเกษตรฯของไทยเป็นเวทีหารือต่อไป
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจะมีการจัดงานแสดงสินค้า Mini Thailand Week 2022 ที่เวียดนาม จำนวน 2 ครั้ง โดยจัดที่เมืองกว่างนิงห์ วันที่ 16 - 19 มิถุนายน 2565 และนครเกิ่นเทอ วันที่ 17 - 19 มิถุนายน 2565 ซึ่งคาดว่า จะสร้างมูลค่าการค้าได้ไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท