รายงานสถานการณ์
โอกาส และปัจจัยเสี่ยง ในอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล (Machine Tools) ที่ได้รับผลกระทบทั้งแง่บวกและแง่ลบจากแนวโน้มโลกหลังโควิด
ในปี 2021 นี้ ผู้ผลิตเครื่องจักรกล (Machine Tools) ต่างอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เนื่องจากความต้องการเครื่องจักรที่พุ่งทะยานซึ่งควรเป็นสัญญาณอันดี
แต่กลับมาพร้อมกับวิกฤตชิปขาดตลาดและวิกฤตซัพพลายเชนโลก
นำมาซึ่งการขาดแคลนชิ้นส่วนหลายชนิดจนผู้ผลิตหลายรายต้องทยอยขึ้นราคาเครื่องจักร
อย่างไรก็ตาม
แม้จะมีวิกฤตมากมาย
แต่หลายสัญญาณในตลาดได้แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มตลาดเครื่องจักรกลมีแต่จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งเป็นผลมาจากความพยายามกระจายวัคซีนในหลายประเทศ จนกำลังการผลิต
และความต้องการลงทุนฟื้นตัวสูง และมีแนวโน้มจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ด้วยเหตุนี้เอง
จึงเป็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ทั้งจากผู้ผลิต และผู้ใช้เครื่องจักร
เนื่องจากสถานการณ์เหล่านี้ส่งผลต่อทั้งสองฝ่าย และอาจรวมไปถึงผู้บริโภคในอนาคต
นาย Yoshiharu Inaba
ประธานสมาคมเครื่องจักรกลญี่ปุ่น (JMTBA) และ CEO
บริษัท Fanuc เปิดเผยว่าในเดือนกันยายน 2021
เป็นเดือนที่มียอดสั่งซื้อเครื่องจักรญี่ปุ่นสูงที่สุดในรอบ 3
ปีนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2018 และแสดงความเห็นว่า
ปัจจุบันความต้องการลงทุนเครื่องจักรเพิ่มขึ้นสูงจนเป็นที่น่าตกใจในหลายประเทศ
โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่มีการผลิตเซมิคอนดักเตอร์
ส่วนอีกกลุ่มที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่นคือระบบออโตเมชัน
และเครื่องจักรกลที่มีเทคโนโลยีดิจิทัล
ซึ่งมียอดสั่งซื้อสูงกว่าระดับมาตรฐานเป็นอย่างมาก
และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบรับกับการผลิตในยุคใหม่นี้
โดยในช่วงวันที่
20
- 23 ตุลาคมที่ผ่านมา ประเทศญี่ปุ่นได้มีการจัดงาน “Mechatronics
Technology Japan 2021” หรือ MECT2021
ซึ่งเป็นงานจัดแสดงสินค้าอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นประจำปีนี้
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของผู้จัดงานเปิดเผยว่า
“จำนวนผู้เข้าชม
และผู้จัดแสดงสินค้าที่เยอะกว่าการคาดการณ์นั้น
เป็นสัญญาณอันดีว่าตลาดกำลังฟื้นตัว
และสะท้อนว่างานจัดแสดงสินค้าแบบทั่วไปยังมีความสำคัญอยู่”
โอกาสของเครื่องจักรในตลาดจีน
สำหรับปีนี้
นับได้ว่าจีนเป็นประเทศที่มีการลงทุนเครื่องจักรโดดเด่นที่สุด ซึ่งแม้จะมีความกังวลว่าเศรษฐกิจจีนในอนาคตจะชะลอตัวลงจากการฟื้นตัวหลังโควิดที่รวดเร็วเป็นพิเศษ
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความต้องการเครื่องจักรกลจากจีนจะยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
จึงเป็นตลาดที่ได้รับความสนใจจากผู้ผลิต Machine Tools เป็นอย่างมาก
Yamazaki Mazak ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตในโรงงานต้าเหลียนให้ขึ้นไปอยู่ที่เดือนละ 240 เครื่อง เพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 33%
และจะทำให้มีกำลังผลิตในจีนรวม 450 เครื่องต่อเดือนภายในปี 2022
Tsugami เป็นอีกบริษัทที่มีแนวทางใกล้เคียงกัน
โดยอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ในจีนซึ่งมีกำหนดเริ่มการผลิตในเดือนเมษายน
2022 ซึ่งจะเน้นไปที่การผลิตเครื่องกลึงอัตโนมัติ (Auto
Lathe Machine) และคาดว่าเมื่อรวมกับโรงงานที่มีอยู่เดิมจะทำให้มีกำลังผลิตที่ราว
1,500 เครื่องต่อเดือน
FUJI ซึ่งมีแผนก่อสร้างอาคารใหม่เพิ่มในโรงงานจีน ซึ่งมีกำหนดเริ่มก่อสร้างภายในปีงบประมาณ
2021 หรือไม่เกินเดือนมีนาคม 2022
DMG MORI มีแผนต่อเติมโรงงานในจีนภายในปี 2025
และมีแผนปรับปรุงโรงงานเดิมในเซี่ยงไฮ้
ซึ่งจะทำให้มีกำลังการผลิตในจีนรวมแล้วอยู่ที่ 1,500
เครื่องต่อเดือน โดยนาย Masahiko Mori ประธานบริษัท
เปิดเผยว่า หากรวมกับการนำเข้าเครื่องจักรจากญี่ปุ่นและเยอรมนีแล้ว
ก็อยากจะขายเครื่องจักรในจีนให้ได้เดือนละ 2,000 - 2,500
เครื่อง นอกจากนี้ยังมีแผนสร้างโรงงานใหม่ในอียิปต์ภายในปี 2023 และอยู่ระหว่างพิจารณาเปิดโรงงานในอินเดียภายในปี 2030 อีกด้วย
Citizen
Machinery ไม่มีรายงานถึงแผนการต่อเติมโรงงานในจีน
แต่มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตในไทยภายในปี 2022
ซึ่งคาดว่าจะทำให้มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 350 เครื่องต่อเดือน
อีกทั้งมีแผนพัฒนาซัพพลายเชนในยุโรปและญี่ปุ่นใหม่
โดยจะเน้นไปที่การจัดหาชิ้นส่วนในภูมิภาคมากขึ้น เพื่อให้ซัพพลายเชนมีความมั่นคง
พร้อมรองรับความต้องการเครื่องจักรกลในอุตสาหกรรมยานยนต์, อิเล็กทรอนิกส์,
และเครื่องมือแพทย์
Okuma มีแผนลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเพื่อแก้ปัญหาคอขวดในโรงงานญี่ปุ่น
และอยู่ระหว่างเดินหน้าเตรียมความพร้อมการผลิตในโรงงานที่ไต้หวันเพื่อเล็งใช้เป็นฐานการผลิตรับความต้องการจากตลาดจีน
ปัจจัยเสี่ยงในอุตสาหกรรม
Machine
Tools
ในส่วนของการบริหารความเสี่ยง
พบว่าความเสี่ยงที่รุนแรงที่สุดในตอนนี้คือชิ้นส่วนไม่เพียงพอต่อการผลิตเครื่องจักรให้ได้ทันความต้องการลูกค้า
โดยนาย Keiichi
Nakajima ประธานบริษัท Citizen Machinery เปิดเผยว่า
สถานการณ์การขาดแคลนชิ้นส่วนรุนแรงขึ้นมาก
จากเดิมที่ขาดชิปเซมิคอนดักเตอร์เป็นหลัก
แต่ตอนนี้พบว่ามีชิ้นส่วนอื่นที่เริ่มไม่เพียงพอ เช่น สายไฟ ขั้วต่อสายไฟ
และชิ้นส่วนเหล็กหล่อ
โดยผู้ผลิต Machine Tools รายหนึ่ง เปิดเผยว่านับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิดระลอกใหม่ในอาเซียน
ทำให้ซัพพลายเออร์ในเวียดนามไม่สามารถจัดส่งชิ้นส่วนเรซิ่นและชิ้นส่วนพลาสติกได้ตามกำหนดการ
และต้องใช้เวลาจัดหาชิ้นส่วนอย่างน้อยหนึ่งเดือนจึงจะเริ่มผลิตได้
ส่วนทางด้าน DMG MORI มีรายงานว่า ปัจจุบันการจัดส่งเครื่องจักรกลในญี่ปุ่นล่าช้าออกไปอย่างน้อย
2 สัปดาห์เนื่องจากชิ้นส่วนไม่เพียงพอ
Nidec เป็นอีกบริษัทที่ได้รับผลกระทบ โดยเปิดเผยว่าชิ้นส่วนที่ขาดแคลนคือ Bearing
ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนพลาสติก
ROKU-ROKU
SANGYO แสดงความเห็นว่า ชิ้นส่วนสำหรับเครื่อง Micro
Fabrication Machine ขาดแคลนเป็นอย่างมาก
ทำให้จากเดิมที่สามารถจัดส่งเครื่องจักรได้ภายใน 6 - 7 เดือน
จำเป็นต้องใช้เวลาถึง 10 เดือน
โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์ขายดีที่อาจต้องใช้เวลามากถึง 1
ปีนับจากวันยืนยันคำสั่งซื้อจึงจะสามารถจัดส่งได้
เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารบริษัท
Machine
Tools รายหนึ่ง แสดงความเห็นว่า
สิ่งที่น่ากังวลที่สุดจากการจัดส่งที่ล่าช้า
คือผู้ซื้อเครื่องจักรจะหันไปสั่งซื้อจากผู้ผลิตรายอื่นที่รวดเร็วกว่า
ทำให้ผู้ผลิตเครื่องจักรรายย่อยเสียเปรียบผู้ผลิตเครื่องจักรรายใหญ่ที่มีซัพพลายเชนมั่นคงเป็นอย่างมาก
ซึ่งเมื่อผนวกกับราคาวัสดุที่แพงขึ้นอย่างต่อเนื่องยิ่งทำให้เกิดช่องว่างระหว่างผู้ผลิตมากขึ้นไปอีก
โดยเฉพาะในช่วงที่ผู้ผลิตรายใหญ่ก็เริ่มแบกรับต้นทุนไม่ได้เช่นนี้
สรุปรายงาน
เป็นไปได้ว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ต้นทุนการผลิตเครื่องจักรจะยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องพร้อมกันกับความต้องการในการลงทุน
ดังนั้น
จึงเป็นหน้าที่ของผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายเครื่องจักรกลที่จะต้องคิดหาทางว่าจะต้องปรับตัวอย่างไรต่อไปในยุคนี้
เพราะหากผู้ผลิตเครื่องจักรไม่สามารถแบกรับได้
ผู้ใช้เครื่องจักรก็จะต้องรับภาระนี้ไปแทน ซึ่งท้ายที่สุด
หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ก็จะเป็นผู้บริโภคที่ต้องซื้อสินค้าต่าง ๆ
ในราคาที่แพงขึ้นจากเดิม ซึ่งปัจจุบัน อุตสาหกรรม Machine Tools คาดการณ์ว่า
สินค้าที่จะแพงขึ้นทั่วโลก คือ รถยนต์ไฟฟ้า และสมาร์ทโฟน 5G เพราะเป็นสินค้าที่มีความต้องการสูง
อย่างไรก็ดี
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
และแนวโน้มการลงทุนในหลายประเทศที่หันมาพึ่งพาระบบอัตโนมัติมากขึ้น
ทำให้หลายค่ายมั่นใจว่าในอนาคตต้นทุนการผลิตจะต้องลดลงอีกครั้งหลังพ้นช่วงเปลี่ยนผ่านหลังโควิดไปได้
จึงเป็นไปได้ว่าในอนาคตหลังจากนี้
การแข่งขันด้านระบบออโตเมชันจะยิ่งทวีความรุนแรงมากกว่าที่ผ่านมา