การส่งออกไทยทั้งปี 2566 (ส่งออกไทย ปี66) หดตัว 1.0% และเมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัว 0.6%ไทยขาดดุลการค้าอยู่ที่ 302,926 ล้านบาท แต่นับว่าดีขึ้นจากปี 2565 ที่ขาดดุล 612,569 ล้านบาท
ตลาดส่งออกจากไทยสูงสุด ปี 66 (หน่วยล้านบาท) ได้แก่
อันดับ 1 สหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้น 2.2%
อันดับ 2 จีน ลดลง 1%
อันดับ 3 ญี่ปุ่น ลดลง 0.57 %
อันดับ 4 ออสเตรเลีย เพิ่มขึ้น 7.54%
อันดับ 5 มาเลเซีย ลดลง 6.8%
ตลาดนำเข้าโดยไทยสูงสุด ปี 66 (หน่วยล้านบาท) ได้แก่
อันดับ 1 จีน ลดลง 0.6%
อันดับ 2 ญี่ปุ่น ลดลง 10%
อันดับ 3 สหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้น 8.9 %
อันดับ 4 ไต้หวัน เพิ่มขึ้น 40%
อันดับ 5 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ลดลง 4.9%
เมื่อโฟกัสไปยัง "ประเทศจีน" ซึ่งถือเป็นประเทศคู่ค้าของไทยที่มีความสำคัญทั้งด้านการส่งออกและการนำเข้า โดยเป็นอันดับ 1 ที่ไทยนำเข้ามากที่สุด และเป็นอันดับ 2 ที่ไทยส่งออกไปมากที่สุดเช่นกัน แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่าน ไทยขาดดุลการค้าจีน
ปี 2566 ไทยส่งออกไปจีนมูลค่า 1.17 ล้านล้านบาท หดตัว 1.3%
ปี 2566 ไทยนำเข้าจากจีนจีนมูลค่า 2.47 ล้านล้านบาท หดตัว 0.6 %
ปี 2566 ไทยขาดดุลการค้าที่มูลค่า 1.29 ล้านล้านบาท ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 0.1% เมื่อเทียบกับปี 2565
ด้านมูลค่าการนำเข้าของไทยจากจีนมีมูลค่า 2.47 ล้านล้านบาท ภาพรวมลดง ที่ 0.6 % โดยกลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าการนำเข้า ลดลง ได้แก่ สินค้าเชื้อเพลิง สินค้าทุน สินค้าวัตถุดิบ และกึ่งสำเร็จรูป ส่วนกลุ่มที่มีการนำเข้าเพิ่มมากขึ้นได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภค และ สินค้ากลุ่มอาหาร
สินค้าที่ไทยนำเข้ามาก 10 อันดับ ได้แก่
เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ
เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ
เคมีภัณฑ์
เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน
เครื่องคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้า
ผลิตภัณฑ์ สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและ
ผลิตภัณฑ์ รถยนต์โดยสารและ รถบรรทุก
ผลิตภัณฑ์โลหะ
ผลิตภัณฑ์ท จากพลาสติก
สินค้าเกษตรและอาหารที่ไทยนำเข้ามากได้แก่
ผัก
ผลไม้และของปรุงแต่งที่ทำจากผัก
ผลไม้
เนื้อสัตว์หรับการบริโภค
สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่ แข็ง แปรรูปและกึ่งสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์อาหารอื่น ๆ
ขนมหวานและช็อกโกแลต
ข้าวและผลิตภัณฑ์ากแป้ง
กาแฟ ชา เครื่องเทศ เครื่องดื่ม
สินค้าที่ปี 2566 มีการนำข้ามากขึ้นจากปี 2565 ได้แก่
เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ
รถยนต์โดยสารและรถบรรทุก
ผลิตภัณฑ์โลหะ
ผลิตภัณฑ์ทำจากพลาสติก
ผัก ผลไม้และของปรุงแต่งที่ทำจากผัก
ขนมหวานและช็อกโกแลต เป็นต้น
ไทยส่งออกสินค้าไปจีน มาก 10 อันดับแรกได้แก่
ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง
ผลิตภัณฑ์ยาง
เม็ดพลาสติก
ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง
เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ
สินค้าอุตสาหกรรมอื่น ๆ
ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ยางพารา
เคมีภัณฑ์ สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรอื่น ๆ
การส่งออกไทยไปจีน ปี 2567 ไทยยังคงต้องเผชิญความท้าทายจากความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจจีน แม้ว่า เศรษฐกิจจีนในภาพรวมยังคงขยายตัวแต่เป็นการขยายแบบชะลอตัว โดยคาดการณ์ว่าปี 67 เศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 4-5 %
“วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา” รองประธานกรรมการหอการค้าไทยและนายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย กล่าวว่า จีนยังคงเผชิญอุปสรรค เนื่องจากอุปสงค์ การอุปโภคบริโภค และการลงทุนของภาคเอกชนยังคงอ่อนแอ โดยเฉพาะตัวเลขเงินเฟ้อ ที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 14 ปี โดยลดลง 0.3% ในเดือน ธ.ค. ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และลดลงติดต่อกันยาวนานที่สุด นับตั้งแต่ปี 2009 การส่งออกของจีนรายปีลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2016 ขณะที่ตัวเลขการขยายตัวจีดีพี ที่อยู่ที่ 5.2% ทั้งในไตรมาส 4/2023 และทั้งปี ซึ่งใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด แต่ที่ต้องกังวล คือ ดัชนีราคา ของ GDP หรือที่เรียกว่า GDP Deflator หดตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนซึมเซาและวิกฤตเงินฝืดยังคงดำรงอยู่ต่อเนื่อง
ส่วนผลกระทบการส่งออกของไทยนั้น “วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา” มองว่า การส่งออกซึ่งจีนเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไทย โดยเฉพาะด้านการส่งออก ดังนั้นเศรษฐกิจของจีนย่อมส่งผลต่อกำลังซื้อของคนในประเทศจีน และส่งผลกระทบต่อสินค้าที่ไทยส่งออกไปจีนมาก
“ไทยจึงมีการเตรียมความพร้อม ขยายตลาดรองรับความเสี่ยง อาทิให้ความสำคัญกับตลาด ‘อินเดีย’ มากขึ้น เนื่องจากเป็นตลาดที่มี ลักษณะและขนาดใกล้เคียงกับจีนและยังต้องการสินค้าจากไทย และมีการเจรจาลดอุปสรรคทางการค้า จัดกิจกรรมส่งเสริมการส่งออก มากกว่า 400 กิจกรรมในประเทศต่างๆ ทั้งการบุกตลาดเมืองรอง และการขับเคลื่อนการเจรจา FTA เพื่อผลักดันการส่งออกไทยให้เติบโต ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญในการผลักดันการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย”