นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) บรรยายพิเศษ “FUTURE INDUSTRY อนาคตภาคอุตสาหกรรมไทย” ในงานประชุมสามัญประจำปี 2565 และเลือกตั้งคณะกรรมการ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย วาระปี 2565-2567 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2565 ว่า ปี 2565-2567 ได้กำหนดแผนงานภายใต้นโยบาย “Future Industry ทำสิ่งที่เราถนัด” โดย 3 เรื่องหลัก คือ 1.เกษตร รัฐบาลจะต้องสนับสนุนให้มีราคาและต้นทุนการผลิตที่ต่ำ
จะนำไปสู่การบริหารจัดการระบบน้ำให้ดี ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยพัฒนา ลดกฎ กติกาให้ง่ายขึ้น 2.BCG คือเทรนด์โลกโดยทุกสินค้าจะต้องรีไซเคิลและ circular ได้ กำหนดมาตรการ BCG 3.Health and Lifestyle ไทยจะต้องเป็นศูนย์กลางการรักษา ดูแลผู้สูงวัย
และแหล่งผลิตเครื่องมือแพทย์ อาหารเสริม รวมถึงเครื่องสำอาง 4.Tourism and Services รัฐจำเป็นต้องชูจุดเด่นด้านการท่องเที่ยวแต่ละจังหวัดให้ชัด เพื่อดึงนักท่องเที่ยวกว่า 40 ล้านคนให้กลับมา โดยควรต้องยกเลิก Test & Go
จะนำไปสู่การบริหารจัดการระบบน้ำให้ดี ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยพัฒนา ลดกฎ กติกาให้ง่ายขึ้น 2.BCG คือเทรนด์โลกโดยทุกสินค้าจะต้องรีไซเคิลและ circular ได้ กำหนดมาตรการ BCG 3.Health and Lifestyle ไทยจะต้องเป็นศูนย์กลางการรักษา ดูแลผู้สูงวัย
และแหล่งผลิตเครื่องมือแพทย์ อาหารเสริม รวมถึงเครื่องสำอาง 4.Tourism and Services รัฐจำเป็นต้องชูจุดเด่นด้านการท่องเที่ยวแต่ละจังหวัดให้ชัด เพื่อดึงนักท่องเที่ยวกว่า 40 ล้านคนให้กลับมา โดยควรต้องยกเลิก Test & Go
และที่สำคัญคือการตั้ง กองทุนนวัตกรรม 2,000 ล้านบาท เป็นเงินเอกชน 1,000 ล้านบาท รัฐช่วย 1,000 ล้านบาท ปีแรกใส่เข้ามาก่อน 200 ล้านบาท ปีถัด ๆ ไปก็เพิ่มเป็น 300 ล้านบาท 500 ล้านบาทอยากให้เอกชนรายใหญ่ช่วยใส่เงินมาในกองทุนไว้ให้ SMEs ที่ทำนวัตกรรมเท่านั้น รัฐจะต้องจูงใจด้วยการยกเว้นภาษีให้ได้ 3 ปี เพื่อจูงใจ”
แหล่งข่าวใน ส.อ.ท.ระบุว่า ในการประชุมสามัญครั้งนี้ได้มีการเลือกกรรมการ 242 คน รวมกับกรรมการที่แต่งตั้งขึ้นจากรายชื่อสรรหาเป็น 363 คน จากนั้นคณะกรรมการที่ได้รับเลือกตั้งและที่แต่งตั้ง จะไปเลือกประธาน ส.อ.ท. คนใหม่ ในวันที่ 22 เม.ย. 2565 ซึ่งตัวเก็งประธานคนใหม่ คาดว่าจะเป็น “นายเกรียงไกร เธียรนุกุล” รองประธาน ส.อ.ท. ในสมัยปัจจุบัน เนื่องจากเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ พร้อมสานต่อภารกิจในการส่งเสริม SMEs