สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

"HINOTA" ผู้นำรถไถพรวนดินแบรนด์ไทยคุณภาพ ดัน "ช้างน้อย" 2 ซีรีส์รุกตลาด ชี้ปี 65 ภาคเกษตรโตต่อเนื่อง
21/02/2022
ข่าวอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
นายโอฬาร ธีระสถิตย์ชัย ที่ปรึกษากรรมการบริหาร บริษัท ฮิโนต้า (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องจักรทางเกษตรและอุปกรณ์ รถไถพรวนดินแบรนด์ "HINOTA" (ฮิโนต้า) กล่าวว่า ครอบครัวเป็นผู้บุกเบิกในวงการเครื่องจักรกลการเกษตร มาตั้งแต่ในปี 2517 เริ่มพัฒนามาจากควายเหล็กเป็นโรงงานผลิตเครื่องยนต์รถไถ แบรนด์ "Mitsubishi หรือที่เป็นที่รู้จัก สิงห์คะนองนา" หลังจากหมดสัญญากับญี่ปุ่น จึงได้หันมาพัฒนาจำหน่ายเครื่องจักรทางเกษตร และรถไถพรวนดิน สร้างเป็นแบรนด์ไทย "HINOTA" (ฮิโนต้า) ได้เริ่มต้นขึ้นในปี 2547 จนถึงปัจจุบันเกือบ 20 ปี ภายใต้คอนเซปต์ "คิดถึงเรื่องเกษตร ให้คิดถึง "ฮิโนต้า" เราเป็นบริษัทของคนไทย คิดค้นและพัฒนาสินค้าเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรไทย

ทั้งนี้ "ฮิโนต้า" ได้ผลิตและจำหน่ายสินค้าหลัก "รถไถพรวนดิน" แบ่งออกเป็น 2 ซีรีส์ มีด้วยกัน 3 รุ่น ซีรีส์แรก รุ่นช้างน้อย 4 G "รถไถพรวนดิน พันธุ์แกร่ง" เครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซล 6.5 แรงม้า เหมาะสำหรับใช้เปิดหน้าดินแข็ง ปั่นดินละเอียด ราคา 31,500 บาท ซีรีส์ที่ 2 รุ่นช้างน้อย 5G "รถไถพรวนดิน จอมพลัง" เครื่องยนต์เบนซิน 9 แรงม้า ราคา 45,500 บาท และรุ่นช้างน้อย 5 G เครื่องยนต์เบนซิน 13 แรงม้า ราคา 57,000 บาท มีคุณสมบัติเด่นเพิ่มเติมจาก 4G สามารถขึ้นร่อง ยกแปลงได้ในคันเดียว เน้นการพัฒนาตัวสินค้าให้เหมาะกับวิธีการใช้งาน สามารถเปิดหน้าดินแข็งได้ พรวนดินทั้งๆ ที่มีวัชพืชปกคลุมหน้าดินได้เลยในคราวเดียว ลดเหลือแค่ 3 ขั้นตอน 1. ไถเปิดหน้าดิน 2. ยกร่อง 3.ปลูก โดยยกร่อง อากาศ น้ำ สามารถระบายออกผ่านด้านข้าง ลดความเสี่ยงในการเกิดโรครากเน่าให้กับพืชได้

"จากการแพร่ระบาดของโควิด 2 ปีที่ผ่านมา ที่ส่งผลทำให้คนตกงานหันมาทำเกษตรรายย่อย เป็นเกษตรกรรายใหม่ รวมถึงกลุ่มคนที่มีรายได้แต่ให้ความสนใจในเรื่องเกษตร โดยเฉพาะสินค้ารถไถพรวนดินขนาดเล็ก ที่เป็นเครื่องมือในการทำเกษตรเบื้องต้น ซึ่งกลุ่มรถไถที่กำลังแข่งขันกันอยู่ในตลาดขณะนี้มีมากกว่า 10 แบรนด์ หากคิดเป็นมูลค่าตลาดรวมแล้วกว่า 300 ล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมา 2564 ฮิโนต้า ได้มียอดขายอยู่ที่ 1,000 คัน หรือมูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท มีสมาชิกทั่วประเทศกว่า 2,000 ราย และในปี 2565 บริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 2,500 คัน หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณกว่า 100 ล้านบาท เชื่อว่าหากโควิดเบาลงปีนี้ภาคเกษตรมีแนวโน้มที่ดี คาดว่าจะเติบโตกว่าปีที่ผ่านมาเกือบ 3 เท่าตัวเลยทีเดียว "

นายโอฬาร กล่าวอีกว่า ฮิโนต้า มีกลุ่มลูกค้าใหญ่สุดอยู่ที่ภาคอีสาน แต่ถ้ายอดขายจะอยู่ที่ภาคเหนือกับภาคใต้ ปัจจุบันเรามีดีลเลอร์ 200 กว่ารายทั่วประเทศ สินค้ามีการรับประกัน 2 ปี พร้อมด้วยบริการหลังการขาย จากทีมเซอร์วิส โมบายด์ ที่แนะนำสาธิตวิธีการใช้งานผ่าน VDO Call มีช่างเทคนิคคอยให้คำปรึกษา และมีทีมออนไซด์ เซอร์วิส ให้บริการตรวจเช็คเครื่องให้กับลูกค้าในพื้นที่อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ปีนี้เรายังได้วางแผนกิจกรรมทางการตลาด เปิดโครงการ "The Hero's Famers" โดยนำกลุ่มเกษตรกร หรือกลุ่มลูกค้าที่ใช้เครื่องจักรหรือสินค้าของ "ฮิโนต้า" ที่ประสบความสำเร็จด้านทางเกษตรนำองค์ความรู้ แนะนำพร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ แก่เกษตรกรรายใหม่ หรือเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ สามารถนำไปพัฒนาในพื้นที่ของตนได้อย่างยั่งยืน

"ภาคเกษตร ยังเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เราอยากสร้างให้ Hero Famer เกิดขึ้นทั่วประเทศ ต้องการสร้างเกษตรเชิงคุณภาพ ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Better Life By HINOTA เปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้น " เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อีกทั้ง เรายังมีแผนที่จะพัฒนาเทคโนโลยีด้านการเกษตรให้ ฮิโนต้า เป็น "ศูนย์รวมนวัตกรรมเครื่องจักร ครบทุกมิติ" นวัตกรรมทำต้นกล้า นวัตกรรมการปลูก นวัตกรรมด้านการเก็บเกี่ยว เป็นต้น ซึ่งเป็นแนวคิดที่เราจะทำต่อไปในอนาคต" .


ที่มาของข่าว: RYT9

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.