วันที่ 25 มกราคม 2565 นายทาคาโนบุ อะซึมะ
กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า
ในปีที่ผ่านมาภาพรวมของตลาดเครื่องจักรกลการเกษตรของไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น 22% จากปัจจัยบวกมาจากสภาพอากาศปริมาณน้ำฝนสำหรับการเพาะปลูกมีเพียงพอ
ส่งผลให้ผลประกอบการของสยามคูโบต้าในปี 2564
เพิ่มขึ้นคิดเป็นมูลค่ารวม 6.9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ประมาณ 30%
ขณะที่เป้าหมายปี 2565 สยามคูโบต้าตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 6.3 หมื่นล้านบาท
ซึ่งเป็นตัวเลขที่ตั้งเป้าจากในปี 2564
ที่ผ่านมาพบว่ามีแรงผลักดันจากสถานการณ์โควิด-19
และงบประมาณภาครัฐที่สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำเกษตรผ่านโครงการเกษตรแปลงใหญ่ปีนี้คาดว่ายังไม่ชัดเจนมากนัก
ขณะเดียวกันคาดว่าปริมาณน้ำยังอยู่ในเกณฑ์ดีแค่ในช่วงต้นปี
แต่ยังต้องเฝ้าระวังครึ่งปีหลังคาดว่าจะเป็นความท้าทายภาคเกษตรอย่างมากอาจจะมีน้ำน้อยกว่าคาดการณ์
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้
ยอดขายยังคงเติบโตเท่ากับที่ตั้งเป้าไว้เมื่อเทียบกับปี 2563 จากแนวโน้มภาคการเกษตรที่ยังอยู่ในความสนใจของเกษตรกรและผู้ประกอบการ
เกษตรกรยังมีกำลังซื้อเครื่องจักรกลเกษตร
อีกทั้งประเทศจีนมีความต้องการสินค้าเกษตรไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะผลไม้
และคาดว่าจะมีการส่งออกสินค้าที่เพิ่มขึ้นด้วย
“เหตุผลที่ตั้งเป้าหมายรายได้ดังกล่าว
ส่วนหนึ่งเนื่องจากรัฐบาลลดสเกลการผลิตลง
ส่วนปัญหาโควิดที่ผ่านมาเราเห็นเทรนด์การทำเกษตรหลากหลายมากขึ้น
ความต้องการซื้อล่วงหน้า ดีหมด การเกษตรยังไปได้ดีหมด
โดยจะเห็นได้จากจีนมีออเดอร์สินค้าเกษตรไทยต่อเนื่อง
ส่วนปีนี้มองว่ากำลังซื้อครึ่งปีแรกไม่น่ามีปัญหา
ต้องรอดูครึ่งปีหลังอีกครั้งว่าจะเป็นอย่างไร เพราะเรื่องน้ำน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญ”
ทั้งนี้
สยามคูโบต้าจะสานต่อนโยบายของคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น
ที่มุ่งมั่นทำให้คูโบต้าเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก หรือ Global
Major Brand (GMB) ภายในปี 2573
โดยวางเป้าหมายเป็น “Essentials Innovator for Supporting life” สร้างความเชื่อมั่นในนวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรในรูปแบบต่าง ๆ
ให้กับลูกค้าที่มีทั่วโลก พร้อมกับการเป็นองค์กรที่ตอบแทนสังคม
ดำเนินธุรกิจโดยการพัฒนาสินค้าเพื่อสานต่อความยั่งยืนทั้งด้านอาหาร น้ำ
และสิ่งแวดล้อม
“สยามคูโบต้าเชื่อว่า ในปี 2565 จะเป็นเทรนด์แห่งการเกษตรสมัยใหม่ Smart Farm เราจึงร่วมกับ
เอสซีจี และคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น จัดตั้งบริษัท “เกษตรอินโน KasetInno”
ให้บริการโซลูชั่นการเกษตรครบวงจร ด้วยการนำเอาองค์ความรู้ด้านพืช
เครื่องจักรกลการเกษตร และระบบ IoT ที่ทันสมัย
เพื่อให้การทำเกษตรก้าวข้ามขีดจำกัดสู่ความเป็นไปได้สำหรับทุกคน”
ด้าน นางวราภรณ์ โอสถาพันธุ์
กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส เปิดเผยว่า
สำหรับภาวะเศรษฐกิจภาคการเกษตรของไทยภายในปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่การส่งออกสินค้าทางการเกษตรกลับมีแนวโน้มที่ดีขึ้น คาดในปี 2565
ตลาดเครื่องจักรกลการเกษตรน่าจะยังเติบโตต่อไปได้ด้วยเทรนด์โลกในด้านความมั่นคงทางด้านอาหาร
(Food Security) ที่มีความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งเกษตรกรจะหันมาใช้เครื่องจักรทดแทนแรงงานมากขึ้น
อันจะส่งผลดีต่อธุรกิจของคูโบต้า
อีกทั้งสยามคูโบต้ายังคงเดินหน้าโครงการ KUBOTA
On Your Side ที่เข้าไปช่วยเหลือและร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ
ในวิกฤตโควิด-19 หรือแม้กระทั่งโครงการ Zero Burn เกษตรปลอดการเผา เพื่อลดมลภาวะ PM 2.5
และปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
ถือเป็นการก้าวสู่การเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลกที่ไม่ได้คำนึงถึงการดำเนินธุรกิจเพียงอย่างเดียว
แต่ยังให้ความสำคัญต่อการดูแลสังคมด้วยนโยบาย ESG ที่มุ่งเน้นใน
3 มิติ
ได้แก่
1.ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) นำเอาเทคโนโลยีผสานองค์ความรู้
มาช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการทำเกษตรที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
ภายใต้โครงการคูโบต้าฟาร์ม และเกษตรปลอดการเผา
2.ด้านสังคม (Social) ผ่านกิจกรรม CSR ที่ช่วยเหลือสังคม
ตลอดจนส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจชุมชนเกษตรให้มีรายได้อย่างยั่งยืน ครอบคลุมพื้นที่
27,000 ไร่ และมีเกษตรกรภายใต้โครงการกว่า 1,700 ราย และ 3.ด้านบรรษัทภิบาล (Governance) เป็นองค์กรที่น่าเชื่อถือ บริหารงานอย่างโปร่งใส และมีธรรมาภิบาล
ทั้งนี้เพื่อช่วยขับเคลื่อนให้เกษตรกรไทยอยู่ดีกินดีอย่างยั่งยืนด้วยการใช้เทคโนโลยีอีกทั้งยังช่วยลดการใช้ทรัพยากรต่างๆ
ซึ่งในปีนี้สยามคูโบต้าจะมุ่งเน้นไปที่การจัดการน้ำและปุ๋ยที่เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม
ดิจิทัลแพลตฟอร์มส่งเสริมเกษตรแม่นยำ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ลดการปล่อยมลพิษลง
โดยมีเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์
หรือ Net
Zero CO2 ในปี 2593 ตามแนวทางคูโบต้า
คอร์ปอเรชั่น ญี่ปุ่น
ล่าสุดเปิดตัวแคมเปญ “Renew
your Agri-life together ก้าวสู่ชีวิตเกษตรใหม่ไปด้วยกัน”
มุ่งหวังในการสื่อสารแบรนด์ในฐานะผู้นำนวัตกรรมการเกษตรที่เข้าถึงหัวใจทุกคน
ทั้งเกษตรกร กลุ่มคนรุ่นใหม่ และคนเมืองที่สนใจด้านการเกษตร เพื่อสร้างจุดเปลี่ยน
ด้วยการนำนวัตกรรมที่พร้อมพาผู้คนก้าวข้ามสู่โลกแห่งการทำเกษตรในรูปแบบใหม่
ที่จะเป็นก้าวสำคัญของการเปลี่ยนแปลงของภาคการเกษตรไทยในอนาคต
นายพิษณุ มิลินทานุช
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการทั่วไป สายงานขาย การตลาดและบริการ เปิดเผยว่า
ในปี 2564 สยามคูโบต้ายังคงเป็นผู้นำตลาดเครื่องจักรกลการเกษตร และตลาดรถขุดเล็ก
เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาด
ในปีนี้จึงได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มสินค้าที่ตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงในภาคเกษตร
โดยเฉพาะกลุ่มพืชมูลค่าสูง อาทิ เครื่องตัดหญ้าเนเปียร์ สำหรับธุรกิจฟาร์มโคนมและพลังงานชีวมวล
แทรกเตอร์ B2401 พร้อมเครื่องตัดหญ้าใต้ท้องรถ (Mid
mower)
โดยในปีที่ผ่านมามูลค่าการส่งออกทุเรียนของไทยเติบโตสูงถึง
60% ส่งผลให้เกษตรกรหันมาเพิ่มพื้นที่ปลูกทุเรียนโตขึ้นเฉลี่ย 10% และพัฒนารถดำนาเดินตาม 6 แถวใหม่
นอกจากนี้ยังขยายฐานลูกค้าสู่นอกภาคเกษตรอย่างรถกระบะบรรทุกหนัก
มุ่งรุกตลาดน้ำมันเครื่องยนต์ดีเซล ตราช้าง ซุปเปอร์ คอมมอนเรล
โดยอาศัยกลยุทธ์การทำการตลาดแบบ Personalized Marketing รวมถึงให้ความสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล
(Digitalization) เพื่อสื่อสารและตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีจำนวนมากขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
อาทิ ระบบ QRoC
หรือ QRadar on Cloud ที่คอยตอบคำถามเพื่อสนับสนุนการทำงานของช่างบริการผ่านช่องทางไลน์ ระบบ Scan QR code เพิ่มความสะดวกสบายในการจ่ายค่าบริการที่หน้างานของลูกค้า
รวมถึงการเพิ่มฟีเจอร์แชทสอบถามข้อมูลอะไหล่ในเว็บไซต์ KUBOTA Store
ทั้งนี้เพื่อมุ่งยกระดับการบริการให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การซื้อสินค้าและรับบริการที่ดีเยี่ยม
สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในยุคปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังมีแผนขยายศูนย์กระจายอะไหล่สยามคูโบต้าไปยังภูมิภาคต่าง ๆ อีก 2 แห่งที่จังหวัดนครราชสีมา และฉะเชิงเทรา
รองรับการจัดส่งอะไหล่แท้พร้อมถึงมือลูกค้าได้รวดเร็วและอุ่นใจยิ่งขึ้น
พร้อมกันนี้สยามคูโบต้ายังมีกิจกรรมด้านความช่วยเหลือเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง
จึงได้วางแผนสานต่อ
“โครงการคูโบต้าร่วมมือ เกษตรร่วมใจ เฟส 2” ทั้งการขยายจำนวนเพิ่มชุมชนต้นแบบบริหารจัดการเครื่องจักรแบบรวมกลุ่มอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยเฟสแรกมีวิสาหกิจชุมชนที่เข้าร่วมโครงการแล้ว 124 กลุ่ม
ใน 48 จังหวัด และเสริมศักยภาพด้านอื่นๆ เพื่อให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนต้นแบบมีความเข้มแข็ง
ซึ่งเป็นหนึ่งในเจตนารมณ์ของสยามคูโบต้าที่จะร่วมขับเคลื่อนภาคการเกษตรไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน