โดยมีปัจจัยบวกมาจากสภาพอากาศปริมาณน้ำฝนสำหรับการเพาะปลูกมีเพียงพอ
ส่งผลให้ผลประกอบการของสยามคูโบต้าในปี 2564 เพิ่มขึ้นคิดเป็นมูลค่ารวม 6.9
หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ประมาณ 30%
ปัจจัยหลักของการเติบโตมาจากแรงงานคืนถิ่นกลับสู่ภาคการเกษตรเพื่อต่อยอดการทำเกษตรของครอบครัว
ทำให้มีความต้องการซื้อเครื่องจักรเพื่อใช้งานมากขึ้น สินค้าหลักคือกลุ่มแทรกเตอร์
และรถเกี่ยวนวดข้าว รวมทั้งกลุ่มเกษตรกรนาแปลงใหญ่
ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐมากขึ้น
ในขณะเดียวกันราคาพืชผลทางการเกษตรอยู่ในเกณฑ์ดี
คาดในปี
2565
ตลาดเครื่องจักรกลการเกษตรน่าจะยังเติบโตต่อไปได้ด้วยเทรนด์โลกในด้านความมั่นคงทางด้านอาหาร
(Food
Security) ที่มีความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งเกษตรกรจะหันมาใช้เครื่องจักรทดแทนแรงงานมากขึ้น
โดยสยามคูโบต้าเชื่อว่า
ปีนี้จะเป็นเทรนด์แห่งการเกษตรสมัยใหม่ Smart Farm เราได้ร่วมกับเอสซีจี และคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น จัดตั้งบริษัท
“เกษตรอินโน KasetInno” ให้บริการโซลูชันการเกษตรครบวงจร
ด้วยการนำเอาองค์ความรู้ด้านพืช เครื่องจักรกลการเกษตร และระบบ IoT ที่ทันสมัย
เพื่อให้การทำเกษตรก้าวข้ามขีดจำกัดสู่ความเป็นไปได้สำหรับทุกคน
และได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มสินค้าที่ตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงในภาคเกษตร
โดยเฉพาะกลุ่มพืชมูลค่าสูง อาทิ เครื่องตัดหญ้าเนเปียร์
สำหรับธุรกิจฟาร์มโคนมและพลังงานชีวมวล แทรกเตอร์ B2401
พร้อมเครื่องตัดหญ้าใต้ท้องรถ (Mid mower) โดยในปีที่ผ่านมามูลค่าการส่งออกทุเรียนของไทยเติบโตสูงถึง
60% ส่งผลให้เกษตรกรหันมาเพิ่มพื้นที่ปลูกทุเรียนโตขึ้นเฉลี่ย 10%
และพัฒนารถดำนาเดินตาม 6 แถวใหม่
พร้อมกันนี้ยังมีกิจกรรมด้านความช่วยเหลือเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง
จึงได้วางแผนสานต่อ “โครงการคูโบต้าร่วมมือ เกษตรร่วมใจ เฟส 2”
ทั้งการขยายจำนวนเพิ่มชุมชนต้นแบบบริหารจัดการเครื่องจักรแบบรวมกลุ่มอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยเฟสแรกมีวิสาหกิจชุมชนที่เข้าร่วมโครงการแล้ว 124 กลุ่ม ใน 48 จังหวัด.