สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

EP เดินหน้า “วินด์ฟาร์มเวียดนาม” 4 โครงการ กำลังผลิตรวม 160 MW มูลค่าลงทุนกว่า 7 พันล้าน
12/05/2021 20:00
ข่าวเศรษฐกิจ

          “อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป” รุกติดตั้ง 4 โครงการวินด์ฟาร์มในประเทศเวียดนาม กำลังผลิตรวม 160 เมกะวัตต์ มูลค่าการลงทุนกว่า 7 พันล้านบาท คาดพร้อมทยอยจ่ายไฟ (COD) ต.ค.นี้  ขณะเดียวกันยังเจรจาศึกษาความเป็นไปได้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติอีก 1 โครงการด้วย

          นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EP เปิดเผยถึงความคืบหน้า โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม (ECP) ใน ประเทศเวียดนาม ว่า ปัจจุบันใบพัดและเสากังหันลมได้ทยอยลำเลียงขึ้นฝั่งที่ประเทศเวียดนามเรียบร้อยแล้ว ประกอบกับถนนทางเข้าโครงการและพื้นที่สำหรับตั้งเสาก็มีความพร้อมเช่นกัน จึงคาดว่าจะทยอยจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ทั้ง 4 โครงการได้ตามแผนในเดือนต.ค.ที่จะถึงนี้

          ทั้งนี้ โครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลม (ECP) ในจังหวัด Gia Lai ประเทศเวียดนาม มีขนาดกำลังการผลิตรวม 160 เมกะวัตต์ มีทั้งหมด 4 โครงการ ประกอบด้วย
  • โครงการ HL3 จำนวน 30 เมกะวัตต์
  • โครงการ HL4 จำนวน 30 เมกะวัตต์
  • โครงการ TN จำนวน 50 เมกะวัตต์
  • โครงการ MN จำนวน 50 เมกะวัตต์
  •          โดยมูลค่าการลงทุน รวมประมาณ 223.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 7,040.92 ล้านบาท

    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 จะส่งผลให้ฝ่ายบริหารไม่สามารถเดินทางไปดูความคืบหน้าได้ด้วยตนเอง แต่ทางบริษัทได้ว่าจ้างผู้รับเหมา  คือ บริษัท POWER CHINA ซึ่งมีประสบการณ์ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลมมามาก ทั้งในประเทศจีนและประเทศอื่น ๆ อีกทั้งยังได้ว่าจ้าง OWNER ENGINEER เป็นวิศวกรที่ปรึกษา คือ บริษัท แทกเกอร์ เบล ซึ่งเป็นบริษัทรักษ์โลกและมีประสบการณ์ในด้านพลังงานลม เพื่อมาช่วยดูแลด้านการออกแบบและควบคุมงานก่อสร้างอีกด้วย

  •           นอกจากนี้ บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาและพูดคุยกับพันธมิตรทางเวียดนามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติในประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังผลิตประมาณ 1,000 เมกะวัตต์ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทอีกช่องทางหนึ่ง 
  •           ในส่วนของรายได้จากธุรกิจสิ่งพิมพ์สามารถแบ่งเป็น 2 ส่วน คืองานพิมพ์อยู่ที่ประมาณ 70% และงานบรรจุภัณฑ์และ Packaging 30% ในปัจจุบันแม้ว่างานพิมพ์จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 มีการปิดตัวของสำนักพิมพ์หลายฉบับ แต่ในด้านบรรจุภัณฑ์ และPackaging มีแนวโน้มที่ดีเนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการซื้อสินค้าแบบออนไลน์มากยิ่งขึ้น ทำให้แนวโน้มของบรรจุภัณฑ์มีความต้องการเพิ่มขึ้นตามไปด้วย 
  •   


ที่มาของข่าว: ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.