ปี 2563 ที่มีสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-16 การขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอยังทะลุเกินเป้าหมาย โดยมีการขอรับการส่งเสริมจำนวน 1,717 โครงการเพิ่มขึ้น 13% มูลค่าเงินลงทุนรวม 481,150 ล้านบาท ลดลง 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ยังสูงเกินเป้าหมายที่บีโอไอคาดไว้ว่าจะมีมูลค่าคำขอรับการส่งเสริม 300,000 ล้านบาท เพราะในปี 2562 มีโครงการขนาดใหญ่ขอรับการส่งเสริมคือ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินที่มีมูลค่ากว่า 1.6 แสนล้านบาท หากไม่นับรวมโครงการนี้มูลค่าขอรับการส่งเสริมในช่วงปี 2561-2563 จะใกล้เคียงกันทุกปี
ทั้งนี้พื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากที่สุด มีจำนวนคำขอ 453 โครงการ เงินลงทุนรวม 208,720 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 43% ของมูลค่าคำขอรับการส่งเสริมทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนใน 3 คลัสเตอร์อุตสาหกรรมหลักของ EEC คือ ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ ยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งกลุ่มสาธารณูปโภคและโลจิสติกส์
ส่วนคำขอรับการส่งเสริมในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน มีจำนวน 17 โครงการ มูลค่าลงทุน 12,340 ล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่นักลงทุนไทยมีศักยภาพ เช่น การผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป กระเป๋า ถุงมือยาง บรรจุภัณฑ์พลาสติก พลังงานทดแทน การแปรรูปสินค้าเกษตรและอาหาร
อ่านต่อได้ที่ : https://www.thansettakij.com/content/Macro_econ/471052