นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยในงานแถลงข่าวสินค้าไทย FTI-Made in Thailand สู่การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐว่า กระทรวงการคลังได้ออกกฎกระทรวงเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การจัดซื้อจ้างของหน่วยงานภาครัฐเพื่อให้หันมาใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและกลุ่มสตาร์ทอัพให้สามารถเข้ามาให้บริการสินค้าแก่หน่วยงานภาครัฐได้มากขึ้นและยังมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศได้อีกทางหนึ่ง
“สินค้าที่ผลิตในประเทศนั้น ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศอยู่แล้ว เราก็อยากให้ประชาชนในประเทศหรือหน่วยงานภาครัฐได้ใช้สินค้าที่มีคุณภาพ ซึ่งผลิตในประเทศไทยให้มากขึ้น เราจึงแก้ไขระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อให้ผู้ผลิตในประเทศได้เข้าถึงการให้บริการแก่หน่วยงานภาครัฐมากขึ้น โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเรื่องดังกล่าวเมื่อ 22ธ.ค.ที่ผ่านมา”
ทั้งนี้ ประโยชน์ของการแก้ไขหลักเกณฑ์การจัดซื้อจัดจ้าง คือ ผู้ประกอบการในประเทศจะสามารถเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น ทำให้เกิดผู้ประกอบการรายใหม่ๆ และ เกิดธุรกิจใหม่ๆที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่สนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับดิจิตอล สิ่งแวดล้อมและสุขภาพ
เขากล่าวด้วยว่า กระทรวงการคลังจะพยายามเร่งรัดให้การจัดซื้อจัดจ้างหน่วยงานภาครัฐเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้เม็ดเงินลงทุนและการจัดซื้อต่างๆลงไปสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งในปีงบประมาณนี้จะมีโครงการจัดซื้อหน่วยงานภาครัฐราว 5 ล้านโครงการมูลค่า?1.7ล้านล้านบาท
ด้านนางสาววนิภา ลำเจียกเทศ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาระบบการเงินการคลัง กรมบัญชีกลางกล่าวว่า กรมฯได้ส่งหนังสือเวียนไปยังหน่วยงานภาครัฐต่างๆเกี่ยวกับระบบการจัดซื้อจัดจ้างดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว โดยสาระสำคัญของสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยสำหรับการจัดซื้อจัดจ้างนั้น กำหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องจัดซื้อวัสดุที่ผลิตภายในประเทศในส่วนของงานจัดจ้างกำหนดให้หน่วยงานรัฐใช้วัสดุที่ผลิตในประเทศไม่น้อยกว่า 60% ของพัสดุที่ใช้ในงานจ้างนั้นๆ