สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

สศอ.ชี้ MPI ยังโตจากศก.ฟื้นจับตา2เดือนสุดท้ายมีแผ่ว
28/11/2018
ข่าวเศรษฐกิจ


สศอ.เผยดัชนีเอ็มพีไอยังโต งวดต.ค. ขยายตัว 4.08% ส่งผล 10 เดือนของปี 61 ขยายตัว 3.04% ชี้ตลาดฟื้นส่งรถยนต์ บุหรี่ น้ำมันขายดี จับตาช่วงที่เหลืออาจขยายตัวช้าไม่ถึงเป้า แต่หวังปีหน้าเติบโตสูงจากความชัดเจนของการเลือกตั้ง-อีอีซี

นายอดิทัต วะสีนนท์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เอ็มพีไอ) ประจำเดือนต.ค. 2561 อยู่ที่ระดับ 112.79  ขยายตัวที่ 4.08% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่อยู่ที่ระดับ 111.70 และอัตราการใช้กำลังการผลิต เดือนต.ค. อยู่ที่ 67.75% โดยอุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลบวกในเดือนตุลาคม 2561 ได้แก่ รถยนต์และเครื่องยนต์ บุหรี่ น้ำตาลทราย น้ำมันปิโตรเลียม และเครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน ส่งผลให้ 10 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-ต.ค.) เอ็มพีไอขยายตัว 3.04% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้คาดการณ์เอ็มพีไอทั้งปีจะอยู่ที่ 2.5% 

ขณะที่คาดการณ์จีดีพีอุตสาหกรรมทั้งปีนี้จะอยู่ที่ 2.5% จากเดิมคาดการณ์อยู่ที่ระดับ 3-4% เนื่องจากยังต้องจับตาช่วง 2 เดือนสุดท้ายที่การผลิตอาจจะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะปีก่อนกำลังการผลิตสูงกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้มาก สำหรับประมาณการเอ็มพีไอและจีดีพีปี 2562 คาดว่าจะขยายตัวเท่ากันที่ 2-3% คิดเป็นค่าเฉลี่ย 2.5% โดยปัจจัยสนับสนุนในปี 2562 คือ ความชัดเจนของการเลือกตั้ง ภายหลังจากที่รัฐบาลกำหนดวันเลือกตั้งแล้ว คาดว่าความเชื่อมั่นการลงทุนจะดีขึ้นอย่างแน่นอน ประกอบกับการลงทุนของภาครัฐที่จะเห็นชัดเจนขึ้นจากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 5 โครงการหลักในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่จะได้ผู้รับเหมาครบทุกโครงการในเดือน ก.พ.2562

"เรายังต้องจับตาปัจจัยเสี่ยงในปีหน้าคือ ความไม่แน่นอนในมาตรการการค้าของสหรัฐฯ ที่อาจมีการดำเนินการกีดกันการค้ากับจีนเพิ่มเติม การชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีนและความเสี่ยงต่อปัญหาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่ไม่สมดุล โดยปีหน้าคาดการณ์ว่าจีดีพีของจีนอาจชะลอตัวลงจากปีนี้ โดยปีนี้คาดว่าจีดีพีจะอยู่ที่ 6.6% ส่วนปีหน้าคาดว่าจะลดลงเหลือ 6.3%"นายอดิทัต กล่าว

ทั้งนี้การเติบโตของอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกต่อดัชนีเอ็มพีไอประจำเดือนต.ค. ได้แก่ 
รถยนต์และเครี่องยนต์ ขยายตัว 16.73% เกือบทุกรายการสินค้า โดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล รถบรรทุกปิคอัพ และรถยนต์นั่งขนาดกลาง ตามการขยายตัวของตลาดในประเทศ เป็นหลักจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ , บุหรี่  ขยายตัว 434.61% จากฐานต่ำในปีก่อน , น้ำตาลทราย  ขยายตัว 145.09% จากผลผลิตอ้อยที่มีมากกว่าปกติทำให้โรงงานปิดหีบช้ากว่าปีก่อน จึงยังมีการแปรสภาพน้ำตาลทรายดิบเป็นน้ำตาลทรายขาว



น้ำมันปิโตรเลียม  ขยายตัว 9.84% จากน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 น้ำมันดีเซล และน้ำมันเบนซินออกเทน 91 เป็นหลักตามความต้องการใช้น้ำมันเพื่อการคมนาคมและการขนส่งในประเทศที่เพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตต่อเนื่อง และเครื่องปรับอากาศ และชิ้นส่วน  ขยายตัว 18.54% ตามการขยายตัวของตลาดในประเทศ จากการทำกิจกรรมทางการตลาดเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจและเพิ่มยอดขายของผู้ผลิต และการส่งออกยังคงเป็นคำสั่งซื้อจากตลาดญี่ปุ่น เป็นหลัก รวมถึงคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นจากลูกค้าแอฟริกา และอินโดนีเซีย

สำหรับแนวโน้มภาวะอุตสาหกรรมสำคัญในปี 2562 คาดว่าจะมรการผลิตเพิ่มขึ้นในหลาย ๆ อุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์  คาดว่าจะมีการผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 0.5% เนื่องจากความต้องการส่วนประกอบและอุปกรณ์ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เพิ่มขึ้น อุตสาหกรรมรถยนต์ คาดว่าจะมีการผลิตรถยนต์ประมาณ 2,200,000 คัน เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศจะขยายตัว จากการบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนที่จะขยายตัวดีขึ้น เพราะเกิดความเชื่อมั่นของนักลงทุนจากเสถียรภาพทางการเมือง ประกอบกับการลงทุนของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง และการส่งออก แต่ก็ยังต้องติดตามผลของสงครามการค้า สหรัฐ-จีน ด้วย

อุตสาหกรรมอาหาร  คาดว่าขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.5% จากปัจจัยบวก อย่างเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัวระดับใกล้เคียงปีก่อน ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าด้วยทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นของสหรัฐอเมริกา ปี 2562  ประกอบกับแนวโน้มราคาส่งออกสินค้าเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้น อาทิ ข้าว น้ำตาลทราย แป้งมันสำปะหลัง และสับปะรดกระป๋อง รวมทั้งการขยายตัวต่อเนื่องของสินค้าสำคัญ เช่น ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง ไก่แปรรูป และทูน่ากระป๋อง นอกจากนี้ คาดว่าสินค้าสำคัญอีกรายการที่จะกลับมาขยายตัว คือ กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง 
ที่มาของข่าว: ไทยโพสต์

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.