น.ส.ณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล ผู้บริหารงานวิจัยบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง 2561 มีการผ่อนแรงลงเนื่องจากการค้าและการท่องเที่ยวต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจชะลอลง แต่จะค่อยๆฟื้นตัวในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2561 ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2562 รวมถึงการนำเข้าที่เติบโตขึ้น ก็เป็นอีกปัจจัยที่ลดทอนการเติบโตของอัตราการขยายตัวทางศรษฐกิจ หรือ GDP
อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าเศรษฐกิจไทยยังเติบโตได้สูงกว่าที่เคยประเมินไว้จึงได้มีการปรับประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ปี 2561เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.6% จากเดิม 4.5% เนื่องจากอัตราการขยายตัวที่เติบโตสูงในช่วงครึ่งปีแรก 2561 ที่ขยายตัวอยู่ที่ 4.8% ส่วนการใช้จ่ายภาคครัวเรือนยังโตต่อเนื่อง โดยกลุ่มผู้มีรายได้ 15,000-30,000 บาท/เดือน ในกรุงเทพฯและปริมณฑลมีสัญญาณดีขึ้น ด้านกำลังซื้อฐานรากยังประคองตัว ทั้งนี้การที่ไทยจะมีการเลือกตั้งปี 2562 จะช่วยเสริมสร้างบรรยากาศการลงทุนและเชื่อว่าจะมีการสานต่อโครงการที่อยู่ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ
ในขณะที่ปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทย มองว่าข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ที่จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทยให้ขยายวงกว้างมากขึ้นในปี 2562 ความเปราะบางของตลาดเกิดใหม่และวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น ก็คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะขยับดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปี 2562 ต่อเนื่องจากการปรับขึ้นอีกครั้งในเดือนธันวาคม 2561 สัญญาณการเตรียมลดการผ่อนคลายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คาดว่า กนง.จะเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยไตรมาสแรกปี 2562 และจะปรับขึ้น 2 ครั้งในปี 2562
น.ส.กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ผู้บริหารงานวิจัย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า การปรับเพิ่มประมาณการสินเชื่อทั้งปี 2561 ขึ้นมาที่ 6% จากเดิม 4.8-5.3% สาเหตุหลักมาจากการเติบโตค่อนข้างดีของสินเชื่อหลายประเภทในช่วงครึ่งปีแรก สอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจที่ขยายตัวสูงในช่วงครึ่งปีแรก ขณะที่สินเชื่อที่อยู่อาศัยคาดว่าเติบโต 5.7% จากเดิม5.5% เนื่องจากมีที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จและพร้อมโอนจำนวนมาก
น.ส.เกวลิน หวังพิชญสุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัดกล่าวว่าสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม แต่ไม่ใช่จุดเริ่มต้นของการนำไปสู่ภาวะฟองสบู่เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในปี 2540 แต่ยังคงมีที่อยู่อาศัยรอการขายอยู่ในระดับสูงประมาณ 190,000 หน่วย