นายณัฐพล รังสิตพล ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยถึง ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ประจำเดือนสิงหาคม 2561 ขยายตัว 0.66% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 16 โดย 8 เดือนแรกของปี 2561 MPI ขยายตัว 3.6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนขยายตัว 1.5%
ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 65.87% ซึ่งมีผลจากอุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลบวกได้แก่ น้ำตาลทรายขยายตัว 91.12% จากผลผลิตอ้อยในปีนี้มาก ทำให้มีการแปรสภาพน้ำตาลทรายดิบเป็นน้ำตาลทรายขาและขาวบริสุทธิ์มีมากกว่าปีก่อนอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัว 12.39% ตามความต้องการของตลาดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์โลกที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องในทุกกลุ่มสินค้าโดยเฉพาะจากกลุ่มสินค้าหลัก ได้แก่ PCBA และไอซี
เครื่องปรับอากาศขยายตัว 32.22% จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีสูงเพื่อขยายฐานลูกค้าในประเทศและการส่งออกที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น เพื่อนำไปติดตั้งตามอาคารต่างๆ ในการรองรับกีฬาโอลิมปิก รวมถึงการขยายตลาดใหม่ที่อินเดีย น้ำมันปิโตรเลียมขยายตัว 7.43% ตามทิศทางเศรษฐกิจที่เติบโตต่อเนื่อง ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อการขนส่งเดินทางเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 น้ำมันดีเซล รวมถึงการส่งออกที่เพิ่มสูงขึ้นจากน้ำมันเครื่องบินเภสัชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ทางยาขยายตัว 24.04% เนื่องจากมีการเพิ่มกำลังการผลิตตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา เพื่อรองรับการขยายตลาดในประเทศและตลาดส่งออก
สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมสำคัญในไตรมาส 4 ปี 2561 ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหาร คาดว่าจะขยายตัว 7.4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งผลผลิตสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น ประกอบกับเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องโดยเฉพาะประเทศคู่ค้าหลักของไทยอย่างสหรัฐ สหภาพยุโรป จีน ญี่ปุ่น และ CLMV รวมทั้งการขยายตลาดใหม่เพิ่มขึ้น อาทิ อาเซียน แอฟริกา และตะวันออกกลาง
อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางคาดว่าการผลิตยางรถยนต์ขยายตัว 1.15% สำหรับถุงมือยาง/ถุงมือตรวจจะขยายตัว 3.8% ตามแนวโน้มความต้องการที่สูงขึ้น และอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า คาดว่าขยายตัวเพิ่มขึ้นโดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าจะขยายตัวในไตรมาส 4 ปี 2561 อยู่ที่ 1.5% การบริโภคในประเทศมีปริมาณ 4.4 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 7.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเพราะอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่คาดว่าจะผลิตเพิ่มขึ้นทั้งอุตสาหกรรมผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า และการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ของภาครัฐช่วงปลายปี
อย่างไรก็ตาม เราจะไม่ปรับคาดการณ์ MPI โดยทั้งปี 2561 จะยังอยู่ที่ 2.5-3% เพราะเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนฐานสูง ส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ภาคอุตสาหกรรมปีนี้ยังคงคาดอยู่ที่ 3-4% แต่ยังต้องจับตาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่อาจยืดเยื้อและส่งผลกระทบทั้งในแง่บวกและลบในระยะยาว แต่ยังไม่ชัดเจน ต้องติดตามว่าทั้ง 2 ประเทศ จะตอบโต้กันอย่างไรซึ่งอาจไม่ใช่มาตรการทางการค้าแล้ว
“จากผลการตอบโต้ทางการค้าทำให้เกิดไม่สมดุลไปทั่วโลก อาจลามไปสู่วิกฤตค่าเงินในตลาดเกิดใหม่ เพราะโดยปกติเงินจะไปหาค่าเงินที่ปลอดภัย ซึ่งขณะนี้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ตลาดเชื่อมั่นมากขึ้น และกลายเป็นความกังวลต่อค่าเงินในประเทศที่มีความเสี่ยง เช่น อาร์เจนตินา ตุรกี ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และอาจกระทบต่อค่าเงินอีกหลายประเทศ”นายณัฐพล กล่าว
ดังนั้นขณะนี้ยังไม่ใช่จังหวะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเร็วๆ นี้ แม้เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายไปแล้วก็ตาม เพราะไทยยังจำเป็นต้องลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศต่อเนื่อง