นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สงครามการค้าสหรัฐฯ – จีน มีแนวโน้มยืดเยื้อ หลังการเจรจาสองฝ่ายยังไม่ได้ข้อยุติ ฝ่ายสหรัฐฯ ประธานาธิบดีทรัมป์ น่าจะใช้เรื่องสงครามการค้า เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากที่โดนโจมตีเรื่องปัญหาส่วนตัว และเพื่อรักษาฐานเสียงในการเลือกตั้งกลางเทอม ที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ ทางฝ่ายจีนประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง พร้อมที่จะประกาศมาตรการตอบโต้ (ขึ้นภาษีสหรัฐฯ ร้อยละ 5-25 มูลค่ารวม 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพราะยังต้องการรักษาภาพลักษณ์ผู้นำจีนที่ยืนหยัดเข้มแข็งต่อชาติตะวันตก และมุ่งสร้างความมั่งคั่งให้จีนตามวิสัยทัศน์ Chinese dreams รวมทั้งอาจมองว่าสถานะด้านการเมืองของประธานาธิบดี ทรัมป์ ในอนาคตยังไม่แน่นอน
ทั้งนี้ จีนน่าจะพร้อมรับมือกับการขึ้นภาษีรอบนี้ของสหรัฐฯ โดยหากมีการเก็บภาษีร้อยละ 25 จากสินค้านำเข้า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐจากจีน ส่วนไทย ทางสนค. ประเมินว่า แม้ไทยอาจได้รับผลกระทบทางอ้อมหากมีการขึ้นภาษีรอบใหม่ แต่ก็ยังมีโอกาสในการส่งออกสินค้าทดแทนสินค้าที่อยู่ในมาตรการ
สำหรับกลุ่มสินค้าที่ไทยน่าจะมีโอกาสส่งออกไปทดแทนสินค้าจีนในตลาดสหรัฐฯ มีหลายชนิด อาทิ สินค้าเกษตร เช่น ถั่วแห้ง แผ่นยางสดรมควัน ข้าวสี (rice milled) ยางแท่ง ผักผลไม้สด แช่แข็ง แช่เย็นและแปรรูป เช่น กล้วย เม็ดมะม่วงหิมพานต์ มะพร้าว ฝรั่ง มะม่วง มังคุด มะละกอ สับปะรด เป็นต้น รวมถึง อาหารทะเลแช่แข็ง และแปรรูป เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงพาณิชย์ จะติดตามสถานการณ์การขึ้นภาษีรอบใหม่ของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้ประกอบการสำหรับการเตรียมความพร้อมรับมือต่อไป