สคร. เร่งรัฐวิสาหกิจลงทุนต่อเนื่องเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจปี 61 จากการลงทุนรัฐวิสาหกิจ 45 แห่ง ในครึ่งปีแรกขยายตัวสูงถึง 76%
นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ได้จัดประชุมเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) เป็นประธาน และได้เชิญผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ 18 แห่งที่มีวงเงินลงทุนสูง เพื่อรับนโยบายในการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจปี 2561 ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 1 ของปี 2561 เศรษฐกิจไทยขยายตัวสูงถึงร้อยละ 4.8 ส่วนหนึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากการลงทุนรัฐวิสาหกิจที่ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 11.6
นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการ สคร. กล่าวเพิ่มเติมว่า กรอบการลงทุนของรัฐวิสาหกิจในปี 2561 ที่ สคร. กำกับดูแลสูงถึง 481,133 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 40 จากปี 2560 ทั้งนี้ จากเครื่องชี้การลงทุนของรัฐวิสาหกิจ 45 แห่ง ที่สคร. กำกับดูแลมีการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสมถึง ณ เดือนมิถุนายนจำนวน 261,571 ล้านบาท สูงกว่าแผนเบิกจ่ายสะสมถึงร้อยละ 57
โดยการลงทุนรัฐวิสาหกิจดังกล่าวในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 (มกราคม – มิถุนายน 2561) ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 76 เมื่อเปรียบเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2560 ซึ่งคาดว่าการลงทุนของรัฐวิสาหกิจจะช่วยผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2561 ให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว
โดยการเติบโตของการลงทุนของรัฐวิสาหกิจข้างต้นเป็นผลมาจากการเร่งลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ อาทิเช่น โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่น ของการรถไฟแห่งประเทศไทย โครงการถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว –
สำโรง ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย โครงการทดแทนโรงไฟฟ้าพระนครใต้ ระยะที่ 1 และโครงการขยายระบบส่งไฟฟ้า ระยะที่ 12 ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง
นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการ สคร. กล่าวสรุปว่า ในการประชุมเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) มอบหมายให้รัฐวิสาหกิจเร่งรัดเบิกจ่ายงบลงทุนในปี 2561ได้ตามเป้าหมายที่กำหนด เพื่อจะช่วยการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทยได้อย่างต่อเนื่อง และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่อไป