สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

คลังมั่นใจเกินร้อยเศรษฐกิจฟื้น
05/07/2018
ข่าวเศรษฐกิจ


ปลื้มรายได้เกษตรกรขยายตัว-ส่งออกดีงาม

คลังแจงชัดมีหลายปัจจัยหนุนเศรษฐกิจไทยขยายตัว เดือนพ.ค. ทั้งส่งออก ท่องเที่ยว และรายได้เกษตรกรขยายตัว โดยเฉพาะรายได้เกษตรกรขยายตัวสูงสุดรอบ 13 เดือน พร้อมเล็งขยับเป้า จีดีพีประเทศรอบใหม่ ด้านบิ๊กศูนย์วิจัยกสิกรไทยประกาศขยับจีดีพี ปีนี้เป็น 4.5% รับอานิสงส์ส่งออกวิ่งฉลุย เชื่อรายได้เกษตรกรครึ่งปี หลังดีขึ้นแน่ๆ เพราะราคาข้าวหอมมะลิ ยางพาราผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจการคลังเดือน พ.ค.2561 เครื่อง ชี้เศรษฐกิจด้านการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคภาคเอกชนยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ดูจากยอดขายรถยนต์นั่งที่ขยายตัวสูงถึง 26.8% ซึ่งขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 17 นับตั้งแต่ต้นปี 2560 ขณะที่รายได้เกษตรกรที่แท้จริงขยายตัว 9% สูงสุดในรอบ 13 เดือน นับจากเดือน เม.ย.2560 ที่ขยายตัว 33.7% ต่อปี โดยมีสัญญาณดีขึ้นในเกษตรกรบางกลุ่ม อาทิ ข้าวเปลือก มันสำปะหลัง ขณะที่ปาล์มน้ำมันเริ่มดีขึ้นจากการใช้ไบโอดีเซลในการผลิตน้ำมันบี 20 และยางพาราเริ่มดีขึ้นเมื่อใช้ประโยชน์ด้านอื่นจากหลายหน่วยงาน ซึ่งจะผลักดันกำลังซื้อเกษตรกรให้สูงขึ้น เป็นเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวได้ดีชัดเจน ซึ่งสะท้อนจากเครื่องชี้การลงทุนในหมวดเครื่องจักรขยายตัวในระดับสูงที่ 28.6% ต่อปี จากยอดจำหน่ายรถกระบะขนาด 1 ตัน ขยายตัวสูงถึง 25.3% ต่อปี

สำหรับการลงทุนหมวดก่อสร้าง จากยอดการจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศขยายตัว 8.1% ต่อปี นับเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 59 เดือน นอกจากนี้ ภาษีการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ยังคงขยายตัวได้ดีที่ 9.1% ต่อปี ส่วนการส่งออกสินค้าขยายตัวต่อเนื่องในเดือน พ.ค. โดยส่งออกสินค้ามีมูลค่า 22,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 15 ที่ขยายตัวในระดับสูงถึง 11.4% นับว่าขยายตัวในตลาดสำคัญเกือบทุกตลาด โดยเฉพาะตลาดอินเดีย และกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม)

“เมื่อหลายหน่วยงานปรับอัตราการเติบโตเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น เช่น ธนาคารกสิกรไทย คาดว่าจีดีพี (ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ) ขยายตัว 4.4% ส่วนคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คาดว่าจีดีพีขยายตัว 4.5% การปรับเป้าเดือน มิ.ย.คงไม่ใกล้เคียงกับหลายหน่วยงาน เนื่องจากเศรษฐกิจไตรมาส 1 ขยายตัว 4.8% แม้ทุกปีจีดีพีไตรมาส 2 จะปรับตัวลดลงกว่าไตรมาสแรก แต่ปีนี้คาดว่าไม่ลดลงมากนัก เพราะมีปัจจัยบวกสนับสนุน ส่วนสงครามการค้าสหรัฐฯกับจีนและยุโรป คาดว่าจะไม่ยืดเยื้อและส่งผลต่อไทยน้อยมาก และอาจส่งผลดีทางอ้อมหันมาเลือกซื้อสินค้าจากไทยทดแทนบางส่วน
ด้านนายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจไทยเติบโต 4.5% จากเดิม 4.0% ได้รับแรงหนุนจากปริมาณการค้าโลกที่ขยายตัวสูง ส่งผลให้การส่งออกไทยเติบโตในระดับสูง พร้อมปรับประมาณการส่งออกปีนี้ขยายตัว 8.8% จากเดิมคาด 4.5% หลังจากการส่งออก 5 เดือนแรกของปีนี้ เติบโตเฉลี่ย 11.6% และยังมีแรงส่งต่อเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายในประเทศ ทั้งการลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 3.5% และการบริโภคในประเทศขยายตัว 3.5%

“ปัจจัยหนุนเพิ่มเติมต่อเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง มาจากผลผลิตทางการเกษตรที่คาดว่าจะออกมามาก รวมถึงรายได้เกษตรกรที่กลับมาขยายตัวเป็นบวก โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิที่ราคาปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ราคายางพาราผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว”

สำหรับนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ มีความเป็นไปได้ที่จะยังคงดำเนินต่อเนื่องไปอีก 2-4 ปี หลังการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าคะแนนนิยมทางการเมืองจะสนับสนุนท่าทีแข็งกร้าวต่อไป หรือจะผ่อนปรนลง ซึ่งสงครามการค้าจะเป็นตัวบั่นทอนการค้าโลก และการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า โดยสินค้าที่จะถูกกระทบ คือ แผงโซลาร์เซลล์ เครื่องซักผ้า เหล็ก อะลูมิเนียม เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และพลาสติกขั้นต้น เป็นต้น

นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยอยู่ระหว่างการปรับประมาณการค่าเงินบาทสิ้นปีนี้ใหม่ จากเดิมประเมินไว้ที่ 32.50-33.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมองว่ามีโอกาสอ่อนค่ากว่าที่ประเมินไว้ เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลสงครามการค้า จึงส่งผลให้เทขายสินทรัพย์ในตลาดเกิดใหม่ เพื่อลดความเสี่ยง ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในช่วงปลายปีนี้ คาดว่าอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จากปัจจุบันดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 1.50% หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ย.
ที่มาของข่าว: ไทยรัฐออนไลน์

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.