สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

รมช.อุตฯ ชูนโยบาย 4.0 เสริมแกร่ง SMEs บุก E-COMMERCE ยกระดับธุรกิจพิชิตตลาดโลก
27/02/2018
ข่าวเศรษฐกิจ
ครบรอบ 35 ปี สื่อเครือผู้จัดการ จัดสัมมนาใหญ่ หัวข้อ “SMEs 4.0 : E-COMMERCE ยกระดับธุรกิจพิชิตตลาดโลก” รมช.อุตสาหกรรมชี้ SMEs ไทยต้องก้าวสู่ยุค 4.0 ในทุกกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เบื้องต้นรุก 10 ธุรกิจ New S-Curve ที่มีศักยภาพด้านการตลาดเป็นอันดับแรก พร้อมชู 9 มาตรการสนับสนุน SMEs และ OTOP ปี 61 

ดร.สมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
ดร.สมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

ดร.สมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม แสดงปาฐกถาในหัวข้อ “นโยบายเพิ่มขีดความสามารถกลุ่มผู้ประกอบการให้ก้าวสู่ SMEs 4.0” ว่า ปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่าดิจิตอลได้เข้าไปแทรกซึมอยู่ในทุกกิจกรรม และทุกธุรกิจที่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นการทำให้ธุรกิจเข้าสู่ยุค 4.0 จึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งทางกระทรวงอุตสาหกรรมได้ให้ความสำคัญมาโดยตลอดในทุกภาคธุรกิจ โดยเฉพาะภาคการเกษตร เพื่อตอบโจทย์นโยบาย Industry 4.0 

ขณะเดียวกัน ในเรื่องอีคอมเมิร์ช (e-Commerce) ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการจะต้องให้ความสำคัญ เนื่องจากเป็นแหล่งรวมข้อมูลการซื้อขายสินค้าของผู้บริโภค ซึ่งจะเชื่อมโยงไปสู่ระบบการขนส่ง และลอจิสติกส์ต่างๆ ดังนั้นทางรัฐฯ จึงมีแผนพัฒนาโครงข่ายอินเทอร์เน็ตเชื่อมโยงทุกหมู่บ้านทั่วประเทศเพื่อให้เข้าถึงข้อมูลดิจิตอลได้อย่างทั่วถึง และเท่าเทียม โดยที่ผ่านมาได้มีการรวบรวมสินค้าของชาวบ้านและชุมชน มาทำเป็นอีแค็ตตาล็อก (e-Catalog) เพื่อเชื่อมโยงสินค้าชุมชนสู่ผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น โดยส่งสินค้าผ่านไปรษณีย์ไทย

นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม

ด้านนายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยถึง “กลไกประชารัฐ 9 มาตรการสำคัญ Transform for SMEs 4.0” ว่า ในปี 2561 ทางกรมฯ ได้วางแผนช่วยเหลือ SMEs และ OTOP ไว้ 9 มาตรการสำคัญ โดยมาตรการดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ได้แก่ 1. Local Economy เป็นการยกระดับเศรษฐกิจรากฐานชุมชน โดยเน้นไปที่โครงการ Creative Industry Village หรือ CIV เป็นการพัฒนาหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นการปรับภูมิทัศน์การท่องเที่ยว รวมไปถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนให้ได้มาตรฐาน มอก. และ มผช.เพื่อสร้างเศรษฐกิจสู่ความยั่งยืน

2. โครงการเอสเอ็มอีภาคการเกษตร พัฒนาสู่การเป็นเกษตรกรมืออาชีพ มีการนำเครื่องมือที่ทันสมัยให้แก่เกษตรกร รวมถึงให้ความรู้ด้านการวางแผนการผลิต ซึ่งจะมีการขยายศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรมทั่วประเทศต่อไป 3. เชื่อมโยงศูนย์สนับสนุน SMEs จำนวน 270 แห่ง หรือศูนย์ SSRC (SMEs Support and Rescue) 4. สร้างฐานข้อมูล SMEs เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่จดทะเบียนในระบบได้รับข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์

5. พัฒนาโค้ชเพื่อช่วยเหลือ SMEs โดยทางกรมฯ ตั้งเป้า 2,000 รายภายในปีนี้ นำร่อง 10 อุตสาหกรรม S-Curve เช่น อุตสาหกรรมแฟชั่น เสื้อผ้า เครื่องหนัง เครื่องประดับ และอาหาร เป็นต้น 6. ร่วมมือกับองค์กรใหญ่ให้เป็นพี่เลี้ยง SMEs (Big Brother) ซึ่งขณะนี้มีประมาณ 300 ราย ที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้าน พัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมถึงช่วยในเรื่องการทำตลาด

7. ผลักดัน SMEs สู่ตลาดสากล (Digital Value Chain) ในระดับ B2B ได้ร่วมกับ J Good Tech สร้างฐานข้อมูลให้ผู้ประกอบการกว่า 1,300 ราย เพื่อให้เป็นพื้นที่ในการแชร์องค์ความรู้ โดยตั้งเป้ามีผู้ประกอบการเข้าร่วม 1,400 ราย โดยจะเปิดรับสมัครในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ ขณะที่ในระดับ BSC ทางกรมฯ มีโครงการอบรมอีคอมเมิร์ซให้แก่เอสเอ็มอี และโอทอป ประมาณ 3,000-4,000 ราย 8. เสริมแกร่งเอสเอ็มอีให้มีความรอบรู้ด้านการเงิน โดยมี SME Development Bank และ สสว.เป็นเจ้าภาพหลัก และ 9. ยกระดับเอสเอ็มอีสู่มาตรฐานเฉพาะ โดยต้อมมีมาตรฐาน มอก. มผช. ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในระดับนี้ยังไม่เกิดขึ้น ดังนั้นทาง สมอ.จึงเปิดรับสมัครให้ผู้ประกอบการนำผลิตภัณฑ์เข้ารับการรับรองมาตรฐานดังกล่าวเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 60 ปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการที่ต้องการพัฒนาธุรกิจสู่ยุค 4.0 สามารถขอรับคำปรึกษาแนะนำได้ที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือที่ www.dip.go.th
ที่มาของข่าว: MGR Online

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.