นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ ว่ากรณีที่ คณะกรรมการพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำจากสามฝ่าย (ไตรภาคี) จะเรียกประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ชุดใหญ่ ไตรภาคี เพื่อมีมติปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ในเดือน ม.ค.นี้ โดยที่ผ่านมาไตรภาคีเคยพิจารณาว่าอาจจะปรับขึ้นใน 2-15 บาท ตามพื้นที่แต่ละจังหวัด เรื่องนี้ ส.อ.ท.ต้องการให้คณะกรรมการไตรภาคี ที่มีตัวแทนของนายจ้าง ลูกจ้างและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง พิจารณาจากข้อมูลที่มีอยู่ ขอให้ยึดหลักเกณฑ์ที่เคยทำมาในช่วงที่ผ่านมา และต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆร่วมด้วย เช่น พื้นที่ตั้งของสถานประกอบการที่เป็นผู้จ้างงาน อัตราเงินเฟ้อ ค่าครองชีพที่มีผลกระทบต่อความสามารถในการใช้จ่ายของแรงงาน และที่สำคัญคือ ความสามารถในการจ่ายค่าแรงโดยเฉพาะเอสเอ็มอี
“ส.อ.ท.ไม่เห็นด้วยกับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเท่ากันทั่วประเทศ เนื่องจากแต่ละพื้นที่มีค่าครองชีพแตกต่างกัน ส่วนจะปรับขึ้นเท่าไร ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการไตรภาคี ถ้าหากปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 15 บาท ก็จะส่งผลกระทบต่อเอสเอ็มอีที่มีข้อจำกัดในความสามารถ ที่จะจ่ายค่าแรงได้ แต่ผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำส่วนใหญ่ไม่ใช่คนไทย แต่เป็นแรงงานต่างด้าว”
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์กรนายจ้างผู้ประกอบการค้าอุตสาหกรรมไทย กล่าวว่า รัฐบาลควรปรับค่าจ้างขั้นต่ำ โดยอิงกับการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ โดยปี 2560 เงินเฟ้ออยู่ที่ 0.66% และปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 1.4% ซึ่งหากอิงกับอัตราเงินเฟ้อนี้ ค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำควรปรับขึ้นอยู่ที่ 4.50 บาท.