สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

ลงทุนอีอีซี1.4แสนล้าน กรอ.เปิดทางสะดวกดึงนักลงทุน
12/12/2017
ข่าวเศรษฐกิจ
ลงทุนอีอีซี1.4แสนล้าน กรอ.เปิดทางสะดวกดึงนักลงทุน

นายมงคล พฤกษ์วัฒนา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม(ร.ง.4) เปิดเผยว่าผลจากนโยบายของรัฐบาลที่ชัดเจนในการส่งเสริมการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ทำให้ตัวเลขการขอใบอนุญาตประกอบกิจการและขยายโรงงานในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) เพิ่มขึ้นโดยในช่วง 11 เดือน (มกราคม-พฤศจิกายน 2560) มีสูงถึง 529 โรงงาน มูลค่าการลงทุนรวม 1.4 แสนล้านบาท แบ่งเป็น จ.ฉะเชิงเทรา มีการจดประกอบและขยายกิจการจำนวน 117 โรงงาน มูลค่าการลงทุนรวม 34,800 ล้านบาท จ.ชลบุรี จำนวน 271 โรงงาน มูลค่าการลงทุนรวม 19,717 ล้านบาท และจ.ระยอง จำนวน 141 โรงงาน มูลค่าการลงทุนรวม 89,433 ล้านบาท

กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการจดประกอบและขยายกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์โลหะ กลุ่มผลิตยานพาหนะและอุปกรณ์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์พลาสติก ซึ่งโค้งสุดท้ายภายในสิ้นเดือนธันวาคม เชื่อว่าน่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย มั่นใจว่าข้อเสนอและมาตรการจูงใจใหม่ๆ จากรัฐบาลจะเป็นส่วนที่ช่วยกระตุ้นให้เป็นไปในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง

นายมงคลกล่าวว่า ภาพรวมการขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน(ร.ง.4) และการขยายกิจการในเดือนพฤศจิกายน 2560 พบว่า มีจำนวนโรงงานที่ขอใบอนุญาตทั้งสิ้น 390 โรงงาน แบ่งเป็นกลุ่มที่มีการขอจดประกอบกิจการใหม่ 350 โรงงาน มูลค่าการลงทุนรวม 21,158 ล้านบาท กลุ่มขยายกิจการมีจำนวน 40 โรงงาน มูลค่าการลงทุนรวม 4,069 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมผลจากข้อมูลการขอ ร.ง.4 และการขยายกิจการในภาพรวม 11 เดือน มีจำนวนทั้งสิ้น 4,710 โรงงาน มีปริมาณใกล้เคียงกับเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว คือ 4,732 โรงงาน แต่ในส่วนมูลค่าการลงทุนสูงถึง 4.74 แสนล้านบาท จากปีก่อนที่มีมูลค่า 4.16 แสนล้านบาท หรือเพิ่มกว่า 14.01%

กลุ่มอุตสาหกรรมที่ขอจดประกอบกิจการใหม่มากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มผลิตภัณฑ์โลหะ กลุ่มผลิตภัณฑ์อโลหะ ส่วนกลุ่มที่มีการขอขยายกิจการมากที่สุด 3 อันดับแรกคือ กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มผลิตภัณฑ์โลหะ และกลุ่มผลิตภัณฑ์พลาสติก ทั้งนี้ คาดว่าภายในเดือนธันวาคม 2560 การขอใบอนุญาตประกอบกิจการ ร.ง.4 และการขยายกิจการน่าจะมีปริมาณมากกว่า 400 โรงงาน

นายมงคลกล่าวว่า นโยบายหลังจากนี้ กรอ.ได้เร่งเตรียมแผนมาตรการที่จะอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนและผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างชาติเพื่อให้เกิดการเพิ่มยอดการประกอบกิจการ อาทิ มาตรการอำนวยความสะดวกในการยื่นขอจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักรที่จะช่วยลดระยะเวลาการจดทะเบียนฯจากเดิม 30 วัน เป็นไม่เกิน 15 วัน การอำนวยความสะดวกในรูปแบบจุดบริการเบ็ดเสร็จ และการบริการผ่านระบบดิจิทัลเพื่อลดความยุ่งยากซับซ้อนในการจดทะเบียนจดประกอบและขยายกิจการ

พร้อมกันนี้ยังได้จัดทำแผนเพื่อเตรียมรองรับการลงทุนในพื้นที่อีอีซีในส่วนกลไกหรือโครงสร้างพื้นฐานที่กรมโรงงานฯเกี่ยวข้องยกระดับมาตรการการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษและการอยู่ร่วมกันกับสิ่งแวดล้อมให้มีประสิทธิภาพ ตลอดจนขยายความร่วมมือกับหน่วยงานด้านต่างๆ เพื่อให้เกิดการพัฒนาและส่งเสริมผู้ประกอบการในพื้นที่ที่อยู่ในโครงการให้ได้รับสิทธิประโยชน์อย่างสูงสุด

“คาดว่าปี 2561 จะมีการขอใบอนุญาตประกอบกิจการและขยายโรงงานในปริมาณที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยส่งเสริมทั้งจากสัญญาณการลงทุนที่พุ่งสูงต่อเนื่องการขยายตัวของความต้องการแรงงานที่มีมากถึง 1.85 แสนคน รวมทั้งดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว” นายมงคลกล่าว
ที่มาของข่าว: แนวหน้า

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.