สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

ปี’61เศรษฐกิจโต4% การลงทุนภาคเอกชนฟื้นตัว
08/12/2017
ข่าวเศรษฐกิจ
Image result for กลินท์ สารสิน

นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ว่าที่ประชุม กกร. เห็นว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 ปี 2560 ที่ขยายตัวสูงกว่าคาด ประกอบกับการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ยังขยายตัวต่อเนื่องทำให้เศรษฐกิจไทยทั้งปี 2560 อาจจะขยายตัว 3.7-4.0% โดยการส่งออกขยายตัว 9.0%

แม้ว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยจะยังไม่เกิดขึ้นอย่างทั่วถึงในทุกภาคส่วนสะท้อนได้จากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ยังคงเปราะบาง อย่างไรก็ตาม การที่ภาครัฐเตรียมออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อดูแลผู้มีรายได้น้อยหรือเศรษฐกิจฐานราก รวมทั้งผลักดันการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ และการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อให้มีผลบังคับใช้ในช่วงต้น ปี 2561 น่าจะช่วยให้การขยายตัวของเศรษฐกิจกระจายตัวมากขึ้น เบื้องต้นกกร. เห็นว่าในปี 2561 เศรษฐกิจไทยน่าจะขยายตัวได้ใกล้เคียงกับปี 2560 หรือประมาณ 3.7-4%

ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เห็นว่าหลายๆ คนเป็นที่ยอมรับทุกคนมีความรู้ ความสามารถซึ่งเรื่องสำคัญที่ต้องดำเนินการต่อคือสานต่อนโยบายการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนให้มีความต่อเนื่อง และเป็นไปตามแผนของรัฐบาลที่กำหนดให้นำไปสู่ประเทศ 4.0 ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

ทั้งนี้ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลเร่งดำเนินนโยบายต่างๆ ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศมากที่สุด อาทิ 1) การแก้ปัญหาความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น 2) การปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย/กฎระเบียบต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าการลงทุน 3) การเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการลงทุนโครงการเนตประชารัฐ

นายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่าเศรษฐกิจไทยปี 2561 นอกจากปัจจัยพื้นฐานในประเทศและต่างประเทศ ปัจจัยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือความมั่นใจทางการเมืองความมั่นใจในการเลือกตั้งความจริงที่ต้องยอมรับคือการเมืองมีผลต่อเศรษฐกิจ มีผลต่อความมั่นใจต่อนักลงทุน และผู้บริโภค หากคนไม่มั่นใจจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวได้เราจึงตั้งมุมมองแบ่งเป็น 3 สถานการณ์

สถานการณ์ที่ 1 เลื่อนการเลือกตั้ง ทำให้แผนการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน 2561 ต้องเลื่อนออกไปอาจส่งผลให้นักลงทุนชะลอการลงทุน คนชะลอการบริโภค ประมาณการจีดีพี ปี 2561 จะอยู่ที่ 3.5-3.8%

สถานการณ์ที่ 2 มีการเลือกตั้ง ภายใต้บริบทที่มีการคาดการณ์กันว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือคสช. ได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมือง ให้สานต่อการบริหาร เพื่อรักษาความต่อเนื่องของนโยบายประมาณการจีดีพี ปี 2561 จะอยู่ที่ 3.7-4.0%

สถานการณ์ที่ 3 มีการเลือกตั้งภายใต้บริบทที่ คสช.เปลี่ยนผ่านรูปแบบมาใช้อำนาจหน้าที่ของวุฒิสภาในการกำกับดูแลการดำเนินงานของรัฐบาล การเลือกตั้งเป็นไปอย่างเสรี พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย หรือพรรคใดๆ เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล แต่วุฒิสภายังคงมีอำนาจในการกำกับดูแล และควบคุมแนวทางของรัฐบาลให้เดินตามนโยบายปฏิรูปแห่งชาติ หรือนโยบายยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี สถานการณ์นี้ความเชื่อมั่นและความต่อเนื่องด้านนโยบายจะยังคงอยู่ต่อไปการเมืองไทยมีภาพลักษณ์เป็นรัฐบาลประชาธิปไตย คาดจีดีพีจะเติบโตได้ถึง 3.9-4.5%

“ไม่ว่าปีหน้าการเมืองจะออกมารูปแบบไหนเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวเหนือ 3.5% เราจะเริ่มเห็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจดีขึ้น คนเริ่มกลับมาลงทุน การบริโภคกลับมาไม่ว่าการเมืองจะเป็นอย่างไร เศรษฐกิจไทยจะไม่กลับไปชะลอลงต่ำกว่า 3%” นายอมรเทพกล่าว

โดยสรุปภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีหน้าน่าจะเร่งตัวขึ้นจากภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว การลงทุนภาคเอกชนฟื้นตัวต่อเนื่องหลังจากอ่อนแอมาหลายปีจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนจากเสถียรภาพทางการเมืองสำนักวิจัยธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2561 จะเติบโต 4% จากปี 2560 ที่คาดว่าจะโต 3.9%

“ปีทองของไทยจริงๆ ไม่ใช่ปีหน้า เรามองว่าปีทองทางเศรษฐกิจของไทยคือปี 2562 เพราะหลังเกิดการเลือกตั้ง คนจะกลับมาลงทุน และบริโภค รัฐบาลชุดถัดไปของคสช.นับว่าเป็นรัฐบาลที่โชคดี เพราะสิ่งที่คสช.ได้ทำและเดินหน้ามาแล้วเริ่มเห็นผล และจะขับเคลื่อนได้ในปีถัดไป” นายอมรเทพ กล่าว

อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยยังคงมีปัญหาเชิงโครงสร้างที่ควรแก้ไข เช่น การขาดแคลนแรงงานมีทักษะการเข้าสู่สังคมสูงอายุก่อนที่เป็นประเทศรายได้สูง และการมีกฎระเบียบและข้อจำกัดในการลงทุนอันบั่นทอนความสามารถในการแข่งขันของเอกชน เป็นต้น ดังนั้นการปฏิรูปทางเศรษฐกิจยังไม่จบแม้มีการเลือกตั้งแล้วก็ตาม
ที่มาของข่าว: แนวหน้า

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.