นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน รับทราบรายงานยอดคำขอรับส่งเสริมการลงทุนตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกันยายน 2560 มีมูลค่าทั้งสิ้น 376,570 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่นยังเป็นผู้ที่ยื่นคำขอมากสุด ขณะที่เป็นคำขอในกิจการที่เป็นเป้าหมายของรัฐบาล 46% โดยบีโอไอยังคงเป้าหมายยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนไว้ที่ 600,000 ล้านบาท
ในส่วนคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ตั้งแต่มกราคมถึงกันยายน มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 104,000 แสนล้านบาท ซึ่งแนวโน้มจะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากภาครัฐเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งการได้รับสิทธิประโยชน์จากบีโอไอ และพื้นที่อีอีซีมีศักยภาพดึงดูดการลงทุนอยู่แล้ว
ทั้งนี้ที่ประชุมได้พิจารณานโยบายส่งเสริมการลงทุนเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนในอนาคต ซึ่งที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบมาตรการเพื่อผลักดันให้เกิดการลงทุนในกิจการเป้าหมายเพิ่มมากขึ้น โดยคณะกรรมการได้เห็นชอบให้มาตรการสำหรับพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2561 ถึง 30 ธันวาคม 2562
ทั้งนี้ได้กำหนดกิจการเป้าหมายในพื้นที่พิเศษของอีอีซีใน 3 ระดับ ได้แก่ 1.กรณีลงทุนในเขตส่งเสริมเพื่อกิจการพิเศษ เช่น เมืองการบินภาคตะวันออก (สนามบินอู่ตะเภา) ซึ่งจะพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางด้านการบิน อากาศยานและอวกาศในภูมิภาค เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor of Innovation หรือ EECI) ซึ่งจะพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางด้านการวิจัยและพัฒนา นวัตกรรมระดับสากล และเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (Digital Park Thailand หรือ EECD) ซึ่งจะพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางด้านการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านดิจิทัล เป็นต้น โดยจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติม 2 ปี จากเกณฑ์ปกติ (รวมสิทธิประโยชน์เดิมเกิน 8 ปีได้) และลดหย่อนอีกร้อยละ 50 เป็นระยะเวลา 5 ปี
2. กรณีลงทุนในเขตส่งเสริมเพื่อกิจการอุตสาหกรรมเป้าหมายซึ่งหมายถึงนิคมอุตสาหกรรมต่างๆที่พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายเป็นการเฉพาะจะได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 50 เพิ่มเติมอีก 5 ปีหลังสิ้นสุดระยะเวลายกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามเกณฑ์ปกติ และ 3.กรณีลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมหรือเขตอุตสาหกรรมทั่วไปที่ได้รับการส่งเสริมในพื้นที่อีอีซีจะได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 50 เพิ่มเติมอีก 3 ปีหลังสิ้นสุดระยะเวลายกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามเกณฑ์ปกติ
นางสาวดวงใจกล่าวว่า เพื่อสนับสนุนให้เอสเอ็มอีไทยพัฒนาศักยภาพและเติบโตอย่างยั่งยืน รวมทั้งเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อก้าวสู่ระดับสากล บอร์ดบีโอไอยังมีมาตรการส่งเสริมให้เอสเอ็มอีจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) โดยให้ได้รับวงเงินภาษีที่ได้รับยกเว้นเพิ่มอีกร้อยละ 100 โดยมาตรการส่งเสริมเอสเอ็มอีดังกล่าวนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 ถึง 30 ธันวาคม 2563
นอกจากนี้ที่ประชุมได้เห็นชอบให้การส่งเสริมกิจการขนส่งทางอากาศ แก่บริษัท สายการบินนกสกู๊ต จำกัด ซึ่งเป็นสายการบินราคาประหยัด ให้บริการขนส่งเส้นทางระหว่างประเทศ เงินลงทุนทั้งสิ้น 6,578 ล้านบาท เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่นักท่องเที่ยว และการขนส่งสินค้าทางอากาศ..