อุตฯ จ่อลงนามบ.น้ำตาลราชบุรี ผุดนิคมฯอาหารจังหวัดราชบุรีและไทยเบฟฯตั้งฟู้ดวัลเลย์ฯที่นครราชสีมา เชื่อรายใหญ่ดันเอสเอ็มอีติดปีกเตรียมชง ครม.พิจารณาแพ็คเกจสิทธิพิเศษภายใน ก.ย. – ต.ค.นี้
นายสมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารของประเทศไทยในรูปแบบประชารัฐ หรือจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมอาหารครบวงจร (World Food Valley Thailand) ภายใต้แนวคิดเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศโดยร่วมมือกับเอกชนรายใหญ่ ว่า ปัจจุบันกระทรวงฯ ได้ลงนามกับบริษัท สิงห์คอร์เปอเรชั่น จำกัด จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมอาหาร ไปแล้ว 1 แห่งที่ จังหวัดอ่างทอง เนื้อที่ 1.3 พันไร่ และมีแผนที่จะลงนามเร็วๆนี้ ร่วมกับ บริษัท น้ำตาลราชบุรี จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมอาหารที่จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นแหล่งผลิตอาหารที่ต่อยอดมาจากอ้อย และร่วมกับ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) จัดตั้งฟู้ดวัลเลย์ ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
“การพัฒนาเอสเอ็มอีให้เติบโตขึ้นเป็นสิ่งสำคัญ โดยผู้ประกอบการรายใหญ่สามารถเป็นพี่เลี้ยงสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยได้ โมเดลนี้จะเริ่มจากอุตสาหกรรมเครื่องดื่มและอาหาร โดยผู้ประกอบการที่เข้าไปลงทุนในโครงการ World Food Valley Thailand จะได้ประโยชน์จากการใช้วัตถุดิบในพื้นที่ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ที่เชื่อมโยงทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ และจะได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมจากมาตรการส่งเสริมของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ และผู้เชี่ยวชาญที่เข้ามาทำงานในพื้นที่ก็จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และจะมีสิทธิพิเศษอื่นๆอีก ซึ่งแพคเกจต่างๆ เหล่านี้อยู่ระหว่างการพิจารณาอัตราที่เหมาะสม คาดว่าจะนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ภายในเดือนกันยายน – ตุลาคมนี้” นายสมชาย กล่าว
นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กล่าวว่า ปัจจุบันมีโรงงานอุตสาหกรรมอาหารประมาณ 1.1 แสนราย ในจำนวนนี้เป็นเอสเอ็มอีถึงร้อยละ 99.5 ขณะที่เป็นผู้ประกอบการขนาดใหญ่เพียง ร้อยละ 0.5 หรือประมาณ 600 ราย มีสัดส่วนมูลค่าการผลิตคิดเป็นร้อยละ 65 ของทั้งอุตสาหกรรมอาหาร เราต้องเพิ่มการแปรรูปวัตถุดิบการเกษตรให้มากขึ้น และคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เช่น การแปรรูปข้าวจากเดิมที่ส่งออกเป็นข้าวสารทั้งหมด ตั้งเป้าเพิ่มการแปรรูปข้าวอย่างน้อย ร้อยละ 30
สำหรับยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมอาหารแผนงานหลักๆจะเป็นการเพิ่มนักรบพันธุ์ใหม่หรือผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรายใหม่ที่มีความเข้มแข็งและมีเทคโนโลยีให้ได้ 3.5 หมื่นรายภายใน 20 ปี หรือเพิ่มปีละ 1,750 ราย และยกระดับผู้ประกอบการขนาดกลาง เพื่อขยายฐานการผลิตให้กว้างขึ้น