นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดคลินิกเอสเอ็มอีสัญจรแนวประชารัฐ ที่จังหวัดอุดรธานี ว่า จากการประชุมร่วมกับสภาหอการค้าจังหวัดอุดรธานี สภาอุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานี และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องว่าภาคเอกชนขอให้ภาครัฐช่วยสนับสนุนและผลักดัน 3 เรื่อง ประกอบด้วย
1.พัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่ เพื่อต่อยอดให้นักลงทุนในพื้นที่มีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง อาทิ กิจการแปรรูปสินค้าเกษตร ชิ้นส่วนยานยนต์ 2.สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 3.สนับสนุนให้เกิดการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานีจำนวน 2000 ไร่ ที่จะแล้วเสร็จในปี2563 เพื่อรองรับอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร ชิ้นส่วนยานยนต์ กิจการแปรรูปยางพารา ฯลฯ เพื่อเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปยังอินโดจีนและจีนตอนใต้ รวมถึงกลุ่มซีแอลเอ็มวี (กัมพูชา ลาวพม่า เวียดนาม) และนิคมฯอุดรธานียังจะเป็นประตูเชื่อมต่อการลงทุนไปยังพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี)อีกด้วย
นอกจากนี้สภาหอการค้าจังหวัดอุดรธานี ได้เสนอให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) แบ่งพื้นที่สำหรับการลงทุนของเอสเอ็มอี และพื้นที่สำหรับการลงทุนก่อสร้างศูนย์ซ่อมอากาศยานในพื้นที่นิคมฯอุดรธานี เพราะมองว่าอนาคตอุดรธานีมีจำนวนเที่ยวบินและสายการบินเปิดให้บริการจำนวนมากในแต่ละวัน และยังเป็นสนามบินนานาชาติที่เปิดให้บริการระหว่างประเทศ หากมีศูนย์ซ่อมอากาศยานในพื้นที่มั่นใจว่าจะมีลูกค้ามาใช้บริการแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้ได้มอบให้กนอ. รับไปพิจารณาต่อไป
นอกจากนี้ได้สั่งการให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.) ไปจัดทำโครงการโค้ชชิ่ง หรือพี่เลี้ยงสอนน้องเอสเอ็มอีเต็มรูปแบบขึ้นมา โดยให้ใช้ต้นแบบจากเกาหลีใต้และญี่ปุ่น โดยให้เอสเอ็มอีรุ่นพี่ที่ประสบผลสำเร็จมาสอนเอสเอ็มอีมือใหม่แบบตัวต่อตัว เริ่มตั้งแต่การเข้าไปช่วยเหลือ ด้านข้อมูลการจัดหาวัตถุดิบ การผลิต การจำหน่ายเป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมาต้องดำเนินการเองทั้งหมด