นาทีนี้คงไม่ต้องอธิบายถึงศักยภาพและช่องทางการทำธุรกิจที่จีนว่ามีโอกาสเติบโตได้มากเท่าไหร่ ไม่ว่าจะธุรกิจประเภทใด บริหารโดยชนชาติไหน ถ้าอยากจะโกอินเตอร์และสร้างเม็ดเงินในตลาดโลก ก็คงต้องเตรียมตัวเข้าตลาดจีนกันทุกราย
แต่เนื่องจากสภาพของตลาดในประเทศจีนเองนั้นมีลักษณะเฉพาะตัวที่ค่อนข้างซับซ้อน และมีกลไกที่แตกต่างจากตลาดทั่วไปในยุโรป ฝั่งอเมริกา หรือแม้กระทั่งตลาดในประเทศแถบเอเชียเองก็ตาม ดังนั้นภาครัฐของประเทศไทยโดยกระทรวงพาณิชย์ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในข้อนี้ จึงได้จัดกิจกรรมเพื่อเจาะลึกตลาดค้าขายของประเทศจีน ครั้งนี้ได้มุ่งเน้นไปที่ตลาดอี-คอมเมิร์ซ ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่มีช่องทางการแข่งขันสูงมาก และกระตุ้นผู้ประกอบการรายใหม่ขอตราสัญลักษณ์ T Mark เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือจากตลาดจีนมากขึ้น
นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า “โครงการศูนย์สร้างโอกาสธุรกิจไทยสู่จีน (Thailand Smart Trade Center: TSTC) ที่เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในไทยและจีน ได้แก่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครกว่างโจว สถานกงสุลใหญ่ไทย ณ เมืองกว่างโจว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ซีโฟน่า กรุ๊ป จำกัด และธนาคารกสิกรไทย มีวัตถุประสงค์ช่องทางสร้างโอกาสทางการค้าให้แก่ผู้ประกอบการไทยที่สนใจขยายตลาดเข้าสู่จีนในรูปแบบ B2B ซึ่งมีกำหนดการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 11 กันยายนนี้ ณ เมืองโฝซาน มณฑลกวางตุ้ง บนพื้นที่กว่า 3,000 ตารางเมตร”
ครั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับเว็บไซต์เจดีดอทคอม (www.jd.com) ของบริษัท จิงตง จำกัด (Jingdong) ซึ่งเป็นอี-คอมเมิร์ซรายใหญ่ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงเป็นลำดับ 2 ในกลุ่มผู้บริโภคชาวจีนในปัจจุบัน ต่อยอดการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าจากโครงการศูนย์สร้างโอกาสธุรกิจไทยสู่จีน โดยได้ทำการเปิดร้านไทยแลนด์ พาวิลเลียน (Thailand Pavilion) บนเว็บไซต์ไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นำร่องสินค้าที่ได้รับตรา T Mark จากเอสเอ็มอีไทยที่ได้มาตรฐานระดับสากล กว่า 80 ราย และจะประชาสัมพันธ์แคมเปญ Thailand Day เพื่อประชาสัมพันธ์หน้าร้านไทยแลนด์ พาวิลเลียนให้ผู้บริโภคจีนรู้จักในวันที่ 11 กันยายนนี้ด้วย
นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
ผู้ประกอบการไทยที่ได้รับการคัดเลือกเพื่อจัดแสดงในไทยแลนด์ พาวิลเลียนนั้น มีประเภทผลิตภัณฑ์แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ กลุ่มสินค้าอาหาร กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม และกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ โดยส่วนหนึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับตรา Thailand Trust Mark (T mark) จากศูนย์สร้างโอกาสธุรกิจไทยสู่จีน และอีกส่วนมาจากการคัดสรรจากการจัดกิจกรรม Business Matching ในวันที่ 10 สิงหาคม ที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจกว่า 200 บริษัท เน้นสินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องใช้ ของแต่งบ้าน

“Thailand Trust Mark (T mark) เป็นตราสัญลักษณ์ที่แสดงถึงสินค้าคุณภาพจากประเทศไทยที่มีภาพลักษณ์ที่ดีและมีแบรนด์เป็นที่ยอมรับในระดับสากล การขยายช่องทางจัดจำหน่ายในรูปแบบอี-คอมเมิร์ซนี้ ถือเป็นการต่อยอดจากการสร้างโอกาสทางการจัดจำหน่ายให้กับผู้ประกอบการ Smart Enterprise ที่เข้าร่วมแสดงสินค้าในศูนย์ฯ ให้ได้เข้าถึงผู้บริโภคชาวจีนมากยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อผู้ประกอบการที่ต้องการขยายตลาดในประเทศจีนด้วยแพลตฟอร์มทันสมัย ไม่ผ่านขั้นตอนยุ่งยาก และสร้างโอกาสให้เกิดการขอรับตราสัญลักษณ์ T Mark เพิ่มมากขึ้นด้วย” นายสมเด็จ กล่าวเพิ่มเติม
ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการศูนย์สร้างโอกาสธุรกิจไทยสู่จีน (Thailand Smart Trade Center: TSTC) จะได้รับโอกาสและช่องทางการค้าสู่ตลาดจีนตลอดทั้ง 365 วัน ในรูปแบบ Offline to Online พร้อมบริการให้คำปรึกษาด้านการดำเนินธุรกิจในประเทศจีนแบบถูกต้องและครบวงจรโดยทีมที่ปรึกษา และสร้างโอกาสในการพบคู่ค้าธุรกิจในประเทศจีน สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทรศัพท์ 0-2507-8265 หรือ www.thailandtrustmark.com