นายวีรศักดิ์ ศุภประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่าดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เอ็มพีไอ) เดือนพฤษภาคม 2560 อยู่ที่ระดับ 115.02 สูงสุดในรอบ14 เดือน เพิ่มขึ้น 1.36% ส่งผลให้ดัชนีเอ็มพีไอ5 เดือนแรกของปี 2560 ขยายตัว 0.15% ส่งสัญญาณบ่งบอกว่าเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว สอดคล้องกับการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม(ไม่รวมทองคำแท่ง)ที่ขยายตัว 17.6% รวมถึงการนำเข้าสินค้าทุนที่ขยายตัว 15.6% และการนำเข้าสินค้าวัถตุดิบและกึ่งสำเร็จรูป(ไม่รวมทองคำแท่ง)ที่ขยายตัวถึง 21.5%
สศอ.คาดว่าตัวเลขเอ็มพีไอปีนี้จะขยายตัวตามเป้าหมาย 0.5-1.5% และอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรม หรือจีดีพีอุตสาหกรรมจะขยายตัว 1-2% โดยจะพิจารณาตัวเลขเป้าหมายอย่างเป็นทางการเมื่อได้ตัวเลขเอ็มพีไอครบ 6 เดือนแรกของปี ซึ่งขณะนี้รอตัวเลขของเดือนมิถุนายนก่อนสรุปอีกครั้ง
สำหรับอัตราการใช้กำลังผลิตขยายตัว 62.12% โดยอุตสาหกรรมที่ส่งผลบวกได้ แก่ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มขึ้น 9.17% ตามการเติบโตของเทคโนโลยีอินเตอร์เนตที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้มีความต้องการอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ ผลิตภัณฑ์ยาง เพิ่มขึ้น 8.5% เนื่องจากมีการผลิตผลิตภัณฑ์ยางเพิ่มขึ้นจากปริมาณน้ำยางที่เพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา และผลจากการเพิ่มทุนและขยายการผลิตของกลุ่มผู้ผลิตยางพารา
รวมทั้งเนื้อไก่แช่แข็งเพิ่มขึ้น 10.49% ทั้งเนื้อไก่แช่แข็งและแช่เย็นที่ขยายตลาดทั้งในประเทศและส่งออก รวมถึงประเทศผู้ผลิตไก่รายใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ พบการระบาดของโรคไข้หวัดนก ขณะที่ผู้ผลิตเนื้อไก่ในบราซิลประสบปัญหาเรื่องคุณภาพของเนื้อไก่ ทำให้หลายประเทศหันมานำเข้าเนื้อไก่จากไทยมากขึ้น
น้ำมันปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น 7.13% เนื่องจากปีที่ผ่านมาโรงกลั่นมีการหยุดเพื่อซ่อมบำรุงทั้งโรงกลั่นมากกว่าปีนี้ ทำให้ปีนี้มีการผลิตเพิ่มขึ้นทั้งน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันเบนซินออกเทน 91 ไร้สารตะกั่ว และน้ำมันเตาชนิดที่ 5 นอกจากนี้น้ำมันพืชยังเพิ่มขึ้น 22.05% เนื่องจากปีนี้ฝนชุกทำให้น้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์มากกว่าปีก่อนซึ่งเกิดภาวะภัยแล้ง
ส่วนอุตสาหกรรมที่ผลผลิตลดลง ได้แก่ เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ลดลง 17.15% เนื่องจากแนวโน้มราคาเหล็กในตลาดโลกลดลง ทำให้ลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อและเลือกบริหารสต๊อกที่มีอยู่แทน รวมถึงผลกระทบจากปัญหาฝนตกทำให้การก่อสร้างล่าช้า เครื่องประดับ ลดลง 36.53% เนื่องจากผู้บริโภคชะลอการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย รวมถึงผลกระทบจากภัยก่อการร้ายในต่างประเทศทำให้ลูกค้าต่างชาติชะลอคำสั่งซื้อ และน้ำดื่ม ลดลง 14.50% เนื่องจากปีนี้ฤดูฝนมาเร็วทำให้สภาพอากาศไม่ร้อนจัด ความต้องการสินค้ากลุ่มน้ำดื่มจึงลดลง
ส่วนช่วงครึ่งปีหลังพบว่ามี 2 อุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มที่ดี คือ อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เพราะผู้ผลิตหลายราย อาทิ ซัมซุงที่ตัดสินใจให้ไทยเป็นฐานการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า อาทิ เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เครื่องดูดฝุ่น จะส่งสินค้าไปจำหน่ายทั้งเอเชีย และภูมิภาคอื่นมากขึ้่น อีกอุตสาหกรรมจะขยายตัว คือ อาหาร เพราะได้อานิสงส์จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นหลังจากหลายประเทศเกิดปัญหาไข้หวัดนก