ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
วันนี้ 26 มิ.ย. เวลา 13.30 น. หนังสือพิมพ์สยามรัฐ รายวัน ได้จัดงานสัมมนาพิเศษ "ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย...หัวใจอยู่ที่ชุมชน" ในวาระครบรอบ ๖๗ ปี ณ ห้องบอลรูม ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมี นายชัชวาลล์ คงอุดม อดีต ส.ว.กรุงเทพมหานคร และคอลันนิสต์ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ กล่าวต้อนรับ ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานเปิดงาน และร่วมปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "อุตสาหกรรม กับเศรษฐกิจชุมชน" นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ หัวข้อ "สร้างเศรษฐกิจฐานรากด้วย...ตลาดชุมชน" และนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หัวข้อ "ท่องเที่ยวชุมชน" โดยมี นายวิโรจน์ วัฒนธาดากุล บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์สยามรัฐ รายวัน เป็นผู้ดำเนินรายการ
ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวในหัวข้อ "ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย…หัวใจอยู่ที่ชุมชน" ว่า ประเทศไทยปรับโครงสร้างเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา แต่ยังติดปัญหาเรื่องรายได้ปานกลาง รวมถึงเกิดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ และขาดความสมดุลในการพัฒนาพื้นที่ทั่วประเทศ โดยสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ สร้างความเข้มแข็งจากภายใน คือการทำให้สินค้าสามารถส่งออกได้ หรือขายเองในประเทศไทย ไม่เพียงแค่รับผลิตให้กับต่างประเทศอย่างเดียว เพื่อเป็นการพัฒนาตั้งแต่ระดับฐานราก ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยขับเคลื่อนให้ประเทศก้าวไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยื่น
สำหรับแนวทางในด้านเศรษฐกิจ เช่นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ทั้งโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ อาทิ การพัฒนาเส้นทางคมนาคม ถนน รถไฟ และการพัฒนาท่าเรือ เป็นต้น และโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่ใช่ทางกายภาพ อาทิ ด้านเทคโนโลยี คือทุกคนควรเข้าถึงอินเตอร์เน็ทความเร็วสูงในระดับหมู่บ้านทั่วประเทศ และด้านศึกษาที่จะเป็นกำลังสำคัญของคนไทยต่อไป
ขณะเดียวกัน รัฐบาลกำหนดเป้าหมายที่จะพัฒนาต่อยอดอุตสาหกรรมของประเทศตามนโยบายประเทศไทย 4.0 ทั้งอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร อุตสาหกรรมรถยนต์ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ ยานยนต์แห่งอนาคต เช่น รถไฟฟ้า(EV) อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่จะต่อยอดเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมของไทยได้ เช่น รถยนต์จะมีชิ้นส่วนบางอย่างที่ประเทศไทยผลิตได้ ด้านการเกษตรพัฒนาจากเกษตรขั้นต้น สู่การแปรรูปและพัฒนาสู่การแปรรูปขั้นสูงต่อไป แต่จะต้องมีการจัดการอย่าเหมาะสม เป็นต้น
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ว่า รัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจชุมชน ซึ่งที่ผ่านมาจะพึ่งพาการส่งออก จึงทำให้ประเทศไม่แข็งแรงหากเกิดวิกฤติขึ้น โดยผมรับผิดชอบงานเศรษฐกิจฐานรากโดยตรง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เริ่มที่การพัฒนาตลาด ที่ไหนมีตลาด มีที่ขายของ โอกาสที่ประชาชนจะมีรายได้ก็เกิดขึ้น
ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์จับมือกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง พัฒนาตลาดชุมชนเป็นตลาดประชารัฐ ตั้งเป้า 200 ร้านต้นแบบในปีนี้ ก่อนผลักดันเป็น 10,000 ร้าน ภายใน 3 ปี และต่อจากนี้จะเชื่อมโยงข้อมูลร้านค้าประชารัฐ ให้มีหน้าที่รวบรวมสินค้า จากนั้นพาณิชย์ก็จะเชื่อมโยงตลาดโดยให้ทูตพาณิชย์ที่มีอยู่ทั่วโลก หาผู้ที่ต้องการสินค้าในประเทศนั่น เพื่อให้สินค้าไทยมีตลาดรองรับ
นายสนธิรัตน์ กล่าวต่อว่า ช่วงเช้าวันนี้ผมได้ไปเป็นประธานเปิดงาน "อีสาน เอ็กซ์โป 2017 สินค้าดี วิถีอีสาน เชื่อมธุรกิจไทยสู่สากล" ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 5 จังหวัดได้แก่ อุดรธานี หนองคาย หนองบัวลำภู เลย และจังหวัดบึงกาฬ ได้รวบรวมสุดยอดผลิตภัณฑ์เด่น เช่น สินค้าโอทอป สินค้าเกษตร เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย อัญมณีและเครื่องประดับ ของใช้ตกแต่ง และสมุนไพร รวมไปถึงสินค้าจีไอ โดยได้เชิญผู้ซื้อ ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง หรือ GMS ได้แก่ กัมพูชา จีน ลาว เมียนมา และเวียดนาม เข้าเจรจาธุรกิจ เพื่อขยายการส่งออกสินค้าชุมชนไปสู่ตลาดต่างประเทศ และสนับสนุนให้เกิดช่องทางการตลาดระหว่างผู้ผลิตไปสู่ผู้บริโภคโดยตรง
ทั้งหมดนี้คือรัฐบาลมีนโยบายให้ความสำคัญพี่น้องชุมชน ให้อยู่ดีกินดี อยู่บนขาตัวเองได้
ขณะที่ นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวในหัวข้อ "ท่องเที่ยวชุมชน" ว่า จากนโยบายของรัฐบาลเรื่องไทยแลนด์ 4.0 ในส่วนของการท่องเที่ยวมีอยู่ 2 ข้อหลัก คือ 1.สร้างภายในให้เข้มแข็ง คือ การทำให้ชุมชนเข้มแข็ง ด้วยการสร้างรายได้ให้ชุมชนผ่านการท่องเที่ยว 2.เชื่อมโยงจากภายนอกให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุดจากการท่องเที่ยว
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
ซึ่ง นายยุทธศักดิ์ กล่าวต่อว่า แนวทางส่งเสริมให้ท่องเที่ยวโดยชุมชนประสบความสำเร็จมี 4 ข้อหลัก คือ 1.ชุมชนต้องเป็นผู้นำพร้อมทั้งวัตถุดิบ เช่น อัตลักษณ์ และภูมิปัญญา สิ่งอำนวยความสะดวก การมีส่วนร่วม รวมถึงความปลอดภัยทุกรูปแบบ 2.ผลประโยชน์ส่วนใหญ่ตกอยู่กับชุมชน 3.ต้องเป็นชุมชนที่มีชีวิต 4.รักษาความเป็นตัวตนของชุมชน และอัตลักษณ์ของการท้องถิ่นจะต้องคงอยู่
ทั้งนี้ นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อการดำเนินงานท่องเที่ยวชุมชนประสบความสำเร็จ จะเป็นการสอดรับกับเป้าหมายการท่องเที่ยวไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า คือ การส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างยั่งยืน ซึ่งเป้าหมายในปี 2564 ทาง ททท.ตั้งเป้ารายได้รวม4ล้านล้านบาทและติดอันดับ1ใน7ของโลก โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 40 ล้านคน และการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศของคนไทยเป็น 200 ล้านคนครั้ง
นายวิโรจน์ วัฒนธาดากุล บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์สยามรัฐ รายวัน