นายศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า สศอ. ร่วมกับศูนย์การศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ศึกษาผลกระทบอุตสาหกรรมไทยจากนโยบายทางการค้าสหรัฐ หลังออกคำสั่งพิเศษ (Executive Order) ประธานาธิบดีสหรัฐทรัมป์ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2560 เพื่อตรวจสอบและเพ่งเล็งดุลการค้าระหว่างประเทศ โดยประกอบด้วย 16 ประเทศที่สหรัฐขาดดุลการค้า รวมถึงประเทศไทยที่ถูกรวมเข้าไปในกลุ่มดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อสินค้าไทยเพียงเล็กน้อย
โดยสถานการณ์ของไทยค่อนข้างดีกว่าประเทศอื่นในกลุ่มอาเซียนเนื่องจากโครงสร้างเศรษฐกิจของสหรัฐมีสัดส่วนการผลิตเพียงร้อยละ 12 ของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ รวมถึงสินค้าไทยส่วนมากเป็นสินค้าที่สหรัฐมีการผลิตในประเทศต่ำ จึงมีความจำเป็นต้องนำเข้าอยู่มาก โดยโอกาสในการถูกเพ่งเล็งในแต่ละอุตสาหกรรม ซึ่งประเทศไทยถูกจัดอยู่ในลำดับท้าย ๆ ที่สหรัฐมีการค้าขาดดุลด้วย
โดยสินค้า 6 อันดับแรกที่สหรัฐนำเข้าจากไทยมากที่สุด ประกอบด้วย เครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ยางพารา เครื่องประดับ ยานยนต์ และเครื่องแต่งกาย ตามลำดับ
แต่เมื่อคำนวณอัตราส่วนการส่งออกต่อการนำเข้า (Export to Import Ratio : EXIM) ของสหรัฐกับไทย พบว่ามีอัตราส่วนที่ 0.36 หรือ สหรัฐส่งออกมาไทยน้อยกว่านำเข้าจากไทยร้อยละ 64 สหรัฐจึงพยายามหาทางลดอัตราส่วนดังกล่าวเพื่อลดการขาดดุลทางการค้าระหว่างประเทศ
1. เครื่องจักร เครื่องกล คอมพิวเตอร์ เป็นสินค้าส่งออกหลักที่ไทยส่งออกไปสหรัฐคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30.8 จากสินค้าที่ส่งออกยังสหรัฐ โดยมีโอกาสโดนเพ่งเล็งค่อนข้างสูง เนื่องจากมีการผลิตสินค้าประเภทนี้ในสหรัฐสูง คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 19.9 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศภาคอุตสาหกรรม อีกทั้งสหรัฐฯ มีอัตราการส่งออกน้อยกว่าการนำเข้าสินค้าประเภทนี้จากไทย ร้อยละ 84 แต่อย่างไรก็ตามประเทศไทยมีส่วนแบ่งการตลาดไม่สูงมากนัก ที่ร้อยละ 2.4 โดยอยู่ในอันดับที่ 9 ที่สหรัฐนำเข้าสูง
2. เครื่องจักรไฟฟ้า/อุปกรณ์ไฟฟ้า เป็นสินค้าส่งออกหลักที่ไทยส่งออกไปสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน ร้อยละ 24.7 จากสินค้าที่ส่งออกยังสหรัฐ โดยมีโอกาสโดนเพ่งเล็งเพียงเล็กน้อย เนื่องจากมีการผลิตสินค้าประเภทนี้ภายในสหรัฐ เป็นสัดส่วนที่ไม่สูงที่ร้อยละ 2.6 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศภาคอุตสาหกรรม รวมถึงประเทศไทยมีส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ เพียงร้อยละ 2.4 โดยอยู่ในอันดับที่ 8 ที่สหรัฐนำเข้าสูง
3.ผลิตภัณฑ์จากยางพารา เป็นสินค้าส่งออกหลักที่ไทยส่งออกไปสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 10.8 จากสินค้าที่ส่งออกยังสหรัฐ โดยมีโอกาสโดนเพ่งเล็งในระดับปานกลาง ถึงแม้ว่าการผลิตสินค้าประเภทนี้ภายในสหรัฐเป็นสัดส่วนไม่สูงที่ร้อยละ 3.3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศภาคอุตสาหกรรม แต่ทว่าสหรัฐมีอัตราการส่งออกน้อยกว่าการนำเข้าสินค้ากลุ่มนี้จากไทยที่ร้อยละ 96 รวมถึงประเทศไทยมีส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐสูงถึงร้อยละ 9.42 โดยอยู่ในอันดับที่ 3 ที่สหรัฐนำเข้าสูง เป็นรองพียงประเทศจีนและแคนาดา ตามลำดับ
4.อัญมณีและเครื่องประดับ/รัตนชาติ/ไข่มุก เป็นสินค้าส่งออกหลักที่ไทยส่งออกไปสหรัฐคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 6.0 จากสินค้าที่ส่งออกยังสหรัฐ โดยมีโอกาสโดนเพ่งเล็งในระดับปานกลาง เนื่องจากสหรัฐ มีอัตราการส่งออกน้อยกว่าการนำเข้าสินค้ากลุ่มนี้จากไทยที่ร้อยละ 73 ในขณะที่สหรัฐมีอัตราการส่งออกน้อยกว่าการนำเข้าสินค้ากลุ่มนี้จากโลกเพียงร้อยละ 13 แต่อย่างไรก็ตามประเทศไทยมีส่วนแบ่งตลาดเพียงร้อยละ 2.6 อยู่ในอันดับที่ 12 ที่สหรัฐนำเข้าสูง
5.ยานยนต์และส่วนประกอบ เป็นสินค้าส่งออกหลักที่ไทยส่งออกไปสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 5.0 จากสินค้าที่ส่งออกยังสหรัฐโดยมีโอกาสโดนเพ่งเล็งเล็กน้อย เนื่องจากอัตราการส่งออกน้อยกว่าการนำเข้าสินค้ากลุ่มนี้จากไทยที่ร้อยละ 60 โดยคิดเป็นอันดับที่ 10
6.เครื่องแต่งกายที่ถักแบบนิตหรือแบบโครเซร์ เป็นสินค้าส่งออกหลักที่ไทยส่งออกไปสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.1 จากสินค้าที่ส่งออกยังสหรัฐ โดยมีโอกาสโดนเพ่งเล็งเล็กน้อย เนื่องจากการผลิตสินค้าประเภทนี้ภายในสหรัฐมีสัดส่วนที่ต่ำที่ร้อยละ 0.8 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศภาคอุตสาหกรรม อีกทั้งไทยมีส่วนแบ่งตลาดเพียงร้อยละ 1.54 อยู่ในอันดับที่ 16 ที่สหรัฐนำเข้าสูง