นายศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เอ็มพีไอ) เดือนเมษายน 2560 อยู่ที่ระดับ 100.07 หดตัว 1.73% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ระดับ 101.83 ซึ่งเป็นการต่ำสุดในรอบ 2 ปี จากเดือนเมษายน 2558 ที่อยู่ในระดับ 97.80 เนื่องจากเป็นเดือนที่มีวันหยุดต่อเนื่องนานหลายวัน ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงอยู่ที่ 53.62% จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 67.03% และเป็นการลดลงต่ำสุดในรอบ 2 ปี จากเดือนเมษายน 2558 ที่อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 53.47%
ทั้งนี้ส่งผลให้ภาพรวม 4 เดือนแรกปี2560 ดัชนีเอ็มพีไอหดตัว 0.1% ซึ่งเป็นการลดลงจากอุตสาหกรรมรถยนต์เป็นหลักที่ปรับตัวลดลง 12.08% เนื่องจากตลาดส่งออกตะวันออกกลางและแอฟริกาหดตัว,อุตสาหกรรมเครื่องประดับ ลดลง 22.67%,น้ำดื่ม ปรับลดลง 7.48% และโลหะประดิษฐ์อื่นๆ ปรับตัวลดลง 17.87% ทำให้ดัชนีเอ็มพีไอไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาบวกได้
“แนวโน้มดัชนีเอ็มพีไอโดยรวมในช่วงครึ่งปีแรกน่าจะทรงตัว โดยหวังว่าจะมีแรงกระตุ้นจากอุตสาหกรรมหลัก เช่น รถยนต์ ที่มีสัดส่วนสูงสุดในสินค้าอุตสาหกรรมฟื้นตัวกลับมา ประกอบกับการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมบางรายการมีสัญญาณดีขึ้น อาทิ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซีเมนต์ เหล็ก รวมถึงผลผลิตสินค้าเกษตรและรายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้น สะท้อนการบริโภคและการลงทุนในประเทศปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย อาจส่งผลให้ดัชนีเอ็มพีไอเดือนพฤษภาคมฟื้นตัวเล็กน้อยในระยะสั้น”นายศิริรุจ กล่าว
อย่างไรก็ตาม สศอ.ยังคงคาดการณ์ดัชนีเอ็มพีไอปี 2560 อยู่ที่ 0.5-1.5% ผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ 1-2% แต่หากมีการลงทุนในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ตามเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้ น่าจะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้จีดีพีประเทศขยายตัวได้เฉลี่ย 5% ต่อปี