น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าเปิดเผยว่า การส่งออกของไทยขณะนี้มีแนวโน้มดีขึ้นโดยการส่งออกเดือนเมษายนที่ผ่านมามีมูลค่า 16,864 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 8.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ 4 เดือนแรกที่ผ่านมาการส่งออกของไทยมีมูลค่า 73,321 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวถึง 5.7% ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 6 ปี
เนื่องจากการค้าโลกอยู่ในช่วงขาขึ้นและกลับมาขยายตัวสูงสุด จึงส่งผลให้การส่งออกทั่วโลกดีขึ้น ประกอบกับการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันกลับมาขยายตัวดีขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันและสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัวต่อเนื่อง โดยผลิตภัณฑ์ยางขยายตัว 54.3% ยางพาราขยายตัว 41.1% เม็ดพลาสติกขยายตัว 4% ขณะที่สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรทั้งข้าวและน้ำตาล ขยายตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน และการส่งออกยังไปได้ดีทุกตลาด
น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวว่า ในปีนี้มั่นใจว่าจะสามารถผลักดันการส่งออกให้ขยายไปถึง 5% ได้ตามเป้าหมาย แต่ยังต้องติดตามความเสี่ยงจากนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐ รวมทั้งความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและราคาน้ำมัน โดยทิศทางการส่งออกแต่ละเดือนหลังจากนี้ไปจะเป็นอัตราการขยายตัวเป็นบวก
นอกจากนี้ ตัวเลขการนำเข้าเดือนเมษายนมีมูลค่า 16,808 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 13.4% ส่งผลให้ยอดการนำเข้าช่วง 4 เดือนแรกมีมูลค่าทั้งสิ้น 69,211 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 5.3% โดยส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบ แสดงถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ดุลการค้าของไทยเดือนเมษายนเกินดุล 56.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ 4 เดือนแรกเกินดุลรวม 4,110 ล้านดอลลาร์สหรัฐ