เบเคอร์ประเมินแนวโน้มเทรนธุรกิจที่ปรึกษาความต้องการสูง งานเต็มมือทั้งเศรษฐกิจขาขึ้น-ลง เสิร์ฟลูกค้าลุยนอก-ทุนต่างประเทศเข้าไทยไม่ลดลง ตั้งเป้ารายได้โต 20% เผยดีลโรงแรมกว่า 10 แห่งต่อปีระบุระดมทุนผ่านกองรีท
นายทินวัฒน์ พุกกะมาน กรรมการผู้จัดการและที่ปรึกษากฎหมายด้าน การเงินและธนาคาร บริษัทเบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ (ประเทศไทย)ฯ กล่าวว่าธุรกิจไทยยังมีสัญญาณดีและนักลงทุนต่างประเทศยังมองเป็นความหวัง โดยเฉพาะแนวโน้มการควบรวมกิจการแม้จะทรงตัวแต่ไม่สะท้อนการปรับลดลง โดยมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการหลากหลายทั้งกลุ่มธนาคารและประกัน กลุ่มสื่อสาร-เทคโนโลยี กลุ่มพลังงาน กลุ่มสุขภาพรวมทั้งบริษัทยา และกลุ่มเรียลเอสเตต-โรงแรม เป็นต้น
สำหรับประเด็นปัญหาที่ลูกค้าเข้ามาใช้บริการมีความหลากหลาย ทั้งเงินลงทุนโดยตรง(เอฟดีไอ)โดยมากจะมาจากญี่ปุ่น สหรัฐฯ หรือประเทศในยุโรป รวมทั้งจีน ทั้งนี้กลุ่มทุนญี่ปุ่นนั้นทางบริษัทจะจ้างทนายญี่ปุ่นให้บริการด้วย
ขณะที่ลูกค้าไทยก็มีการขยายไปลงทุนในต่างประเทศ เช่น กลุ่มพลังงานทั้งรูปแบบลงทุนซื้อโรงไฟฟ้า หรือเหมืองถ่านหิน ขุดเจาะน้ำมัน เรียลเอสเตตซึ่งรวมถึงการพัฒนาโครงการและโรงแรม ส่วนกลุ่มทุนจากไทยหลักๆก็ไปสหรัฐ ยุโรปส่วนเอเชียจะเป็นกลุ่มรีเทลหรือซูเปอร์สโตร์
นายทินวัฒน์ กล่าวว่า นักลงทุนไทยกล้าไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้นโดยเป็นการกู้เงินไปลงทุนทั้งซื้อกิจการหรือเพิ่มทุน และควบรวมกิจการที่ดำเนินการแล้วและนำผลตอบแทนที่ได้มาชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย แต่ทุนต่างประเทศที่เข้ามามักเริ่มธุรกิจ ส่วนหนึ่งเพราะมีเทคโนโลยี
“เรายังมีงานเต็มมือต่อเนื่อง ส่วนเรื่องงรายได้ค่าธรรมเนียมนั้น ปีนี้แนวโน้มจะเติบโตเพิ่มขึ้น 17-20%จากรอบปีที่ผ่านมามีรายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาทโดยมีลูกค้าเกี่ยวกับการควบรวมกิจการ 260 ราย ประมาณ 1,200 ดีลมูลค่าต่อรายเฉลี่ยตั้งแต่หลักร้อยล้านบาทไปถึงหลัก 4-5หมื่นล้านบาท”
นายสรชน บุญสอง ที่ปรึกษากฎหมายผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์และการควบรวมกิจการ บริษัท เบเคอร์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ในเศรษฐกิจชะลอ จะเป็นโอกาสของการควบรวมกิจการ(M&A)ในแง่ของบริษัทสามารถการเติบโตแบบก้าวกระโดด ขณะธุรกิจที่ปรึกษาเช่นกัน ไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจขาขึ้นหรือลงล้วนเป็นโอกาสเช่นกัน
นอกจากนี้ภาพใกล้ตัวธุรกิจเรียลเอสเตตมีแนวโน้มที่ดี โดยเฉพาะโรงแรมขนาดใหญ่ซึ่งเบเคอร์ทำดีลขายโรงแรมกว่า 10 แห่งต่อปี โดยเฉพาะเจ้าของโรงแรมที่มีโรงแรม 3-4 แห่งสามารถระดมเงินผ่านการออกกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือกองรีท
ปีนี้กระทรวงการคลังและสำนักงาคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกันภัย(คปภ.) กำหนดเกณฑ์ใหม่เพื่อเปิดเสในธุรกิจประกันและใช้เมืองไทยเป็นศูนย์กลางขยายไป CLMV ซึ่งจะเห็นการลงทุนในซีกค่ายประกันมากขึ้น
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,245 วันที่ 19 - 22 มีนาคม พ.ศ. 2560