นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ) กล่าวในงานสัมมนาวิชาการทีดีอาร์ไอประจำปี 2560 “ฟื้นเศรษฐกิจ-ปฏิรูปรัฐ ด้วยปฏิวัติข้อมูล” ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ ว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีประสิทธิภาพในการผลิตเพียง 70% เมื่อเทียบกับประเทศแถวหน้า เช่น เกาหลีใต้ ส่วนหนึ่งมาจากการยังไม่มีการใช้ข้อมูลอย่างที่ควรจะเป็น เช่น ผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี) จำนวนมากไม่ทำบัญชีอย่างเป็นระบบจึงเกิดความสูญเปล่า แม้รัฐบาลมีการส่งเสริมให้เกิดการสร้างนวัตกรรม และธุรกิจสตาร์อัพ ถือเป็นสิ่งที่ดี แต่การยกระดับเศรษฐกิจ หรือนำไปสู่การเป็นไทยแลนด์ 4.0 ได้นั้น สิ่งที่รวดเร็วที่สุด คือ การใช้ข้อมูลสร้างมูลค่าเพิ่มทางภาคการเกษตร อุตสาหกรรม และบริการ เนื่องจากเศรษฐกิจในยุคใหม่ จะใช้ข้อมูลเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ทีดีอาร์ไอ ได้วิจัยแล้ว พบว่าหากมีการนำข้อมูลมาประมวลผล(บิ๊กดาต้า) เพียง 1 ใน 5 ของภาคเกษตร อุตสาหกรรม และบริการ จะสามารถทำให้จีดีพี โตขึ้น 0.82% หรือประมาณ 84,000 ล้านบาท
ดังนั้น รัฐต้องเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ หรือ โอเพ่นดาต้า เพื่อให้หน่วยงานรัฐออกมาเปิดเผยชุดข้อมูลต่างๆในประชาชน หรือภาคธุรกิจเอกชนเข้าถึง เพื่อนำไปสู่การกำหนดแผนธุรกิจ และนำข้อมูลไปประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ในการทำสตาร์ทอัพ ทั้งนี้ ไทยถือเป็นตัวอย่างเห็นได้ชัดจากการที่ภาครัฐไม่ได้มีการเปิดเผยข้อมูล จึงส่งผลไม่สามารถมีบริษัทสตาร์ทอัพรายใดมีมูลสูงกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ภาษาสตาร์ทอัพ เรียกว่า ยูนิคอร์น พร้อมกันนี้ ต้องอาศัย 4 ปัจจัย คือ 1.การทำบัญชี เพื่อให้รู้รายรับรายจ่ายของธุรกิจ 2.การประหยัดพลังงาน 3.การใช้ระบบจัดการทรัพยากรอย่างคุ้มค่ามากที่สุด 4.การผลิตแบบลีน เพื่อลดความสูญเปล่าในภาคการผลิต
“ ผลวิจัยของทีดีอาร์ไอเรื่องความต้องการแรงงานในตลาดในยุคต่อไป พบว่าอาชีพที่มีความต้องการมากที่สุด คือนักวิชาการข้อมูลสถิติ แต่น่าแปลกใจในประเทศไทย กลับยังไม่มีสถาบันอุดมศึกษาใด ที่เปิดการเรียนการสอน เร็วๆนี้ ทีดีอาร์ไอ จะนำเอาข้อมูลที่สื่อถือประโยชน์ของการทำ บิ๊กดาต้า และ โอเพ่นดาต้า เพื่อใช้เพิ่มมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ เสนอให้แก่ทางรัฐบาลพิจารณา” นายสมเกียรติ กล่าว