นายวีรศักดิ์ ศุภประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า จากการศึกษาศักยภาพของไทยเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านเช่นเวียดนามและมาเลเซียพบว่ามีความสามารถในการแข่งขันดีขึ้น เนื่องจากได้ศึกษาแผนปฏิบัติงานในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย(เอสเคิร์ฟ) เพื่อผลักดันให้เกิดการลงทุนจริงในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี) ภายในปีนี้และได้นำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมไปแล้วเมื่อเร็วๆ นี้ เน้นการส่งเสริมในกลุ่มอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และอุตสาหกรรมกลุ่มชีวภาพ (ไบโออีโคโนมี) ซึ่งจะสร้างความได้เปรียบให้กับประเทศไทยเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านในกลุ่มที่มีศักยภาพใกล้เคียงกัน
“ส่วนใหญ่นักลงทุนจะเลือกลงทุนในพื้นที่ที่มีความพร้อมทั้งในด้านการดำเนินธุรกิจและตอบโจทย์การใช้ชีวิต ซึ่งเชื่อว่าจะเริ่มลงทุนตามโครงการภาครัฐโดยเฉพาะนักลงทุนกลุ่มใหญ่ เช่น กลุ่ม ปตท.ที่จะลงทุนในอุตสาหกรรมไบโออีโคโนมี กลุ่มเอสซีจีที่คาดว่าจะลงทุนตามการขยายตัวโครงสร้างพื้นฐานของรัฐในพื้นที่ และกลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นต้น โดยการลงทุนน่าจะเริ่มเห็นผลเป็นรูปธรรมเมื่อโครงการของรัฐแล้วเสร็จภายใน 2 ปี ซึ่งจะเริ่มทยอยลงทุนในโครงการท่าเรือ สำนักงาน ไฟฟ้า ประปา เป็นต้น” นายวีรศักดิ์ กล่าว
สำหรับเวียดนามถือว่ามีความได้เปรียบด้านแรงงานที่อยู่ในวัยหนุ่มสาว อีกทั้งยังได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) แต่เมื่อได้รับผลกระทบจากการยกเลิกการตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก(ทีพีพี) ก็ส่งผลให้นักลงทุนที่เคยมีความสนใจตลาดดังกล่าวเริ่มหันมาทบทวนการลงทุนเช่นกัน ขณะที่มาเลเซียเองยังมีข้อจำกัดด้านกฎระเบียบศาสนา เพราะเวลาในการทำงานเป็นรูปแบบของชาวมุสลิมที่กำหนดเวลาปฏิบัติงานและเวลาพักตามเวลาละหมาด
“คาดว่าประมาณ 2-3 เดือนหลังจากนี้จะเห็นแผนการลงทุนของภาคเอกชนชัดเจนมากขึ้น หลังจากที่รัฐบาลเดินหน้าส่งเสริมพื้นที่อีอีซีแล้วก่อนจะมีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) พ.ศ.... ซึ่งคาดว่าการลงทุนในพื้นที่ส่วนใหญ่น่าจะเป็นนักลงทุนรายเดิมที่ต้องการจะขยายการลงทุน ซึ่งน่าจะสามารถลงทุนจริงได้ภายในปีนี้และในระยะเริ่มต้นเชื่อว่าจะเป็นไปตามเป้าที่รัฐบาลกำหนดไว้” นายวีรศักดิ์ กล่าว
นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) กล่าวว่า แนวโน้มการลงทุนของภาคเอกชนในปีนี้เริ่มส่งสัญญาณเป็นบวกเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากรัฐบาลพยายามผลักดันการลงทุนในพื้นที่อีอีซี ด้วยการให้สิทธิประโยชน์สูงขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่มีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งจะมีปริมาณเม็ดเงินลงทุนสูงกว่าการลงทุนทั่วไป ขณะที่เศรษฐกิจโลกก็เริ่มขยายตัวมากขึ้น เช่น การที่จีนเริ่มสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมยางล้อและแบตเตอรี่ เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมายในกลุ่มยานยนต์เป็นต้น