พาณิชย์เผยนโยบายทรัมป์ ไม่กระทบการค้าไทยทางตรง เหตุไทยไม่ได้เป็นชาติที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าสูงเหมือนกับจีนและเม็กซิโก มั่นใจส่งออกยังทำได้ตามเป้า 2.5-3.5% ระบุในด้านการค้า หากสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้า สินค้าไทยมีทั้งได้และเสีย
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สำนักงานฯ ได้ทำการศึกษานโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังจากที่ได้เข้ารำตำแหน่งและได้มีการออกคำสั่งพิเศษจำนวน 8 ฉบับว่าจะส่งผลต่อการค้าโลก รวมถึงการส่งออกของไทยในปี 2560 หรือไม่ ซึ่งในเบื้องต้นพบว่าการค้าระหว่างประเทศของไทยจะไม่ได้รับผลกระทบทางตรงมากนัก เพราะไทยไม่ได้เป็นประเทศที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าในระดับสูง เมื่อเทียบกับจีนหรือเม็กซิโก แม้ว่าไทยจะได้ดุลการค้าสหรัฐฯ เป็นอันดับที่ 11 แต่มูลค่าการค้าไม่มาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่น โดยยังเชื่อมั่นว่าการส่งออกของไทยในปีนี้ จะยังขยายตัวได้ตามเป้า 2.5-3.5% ซึ่งได้รวมความเสี่ยงกรณีนโยบายสหรัฐฯ เข้าไปแล้ว
สำหรับผลการศึกษาในด้านการออกนโยบายกีดกันทางการค้า หากสหรัฐฯ เพิ่มภาษีนำเข้าเป็นรายสินค้าและบังคับใช้กับทุกประเทศ สินค้าไทยที่จะได้รับผลกระทบ เช่น ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ เครื่องจักรสำหรับการพิมพ์ กล้องถ่ายโทรทัศน์ อัญมณีและเครื่องประดับ ยางรถยนต์ ส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ ผลไม้กระป๋อง และกุ้งสดแช่แข็ง เป็นต้น แต่ถ้าสหรัฐฯ ขึ้นภาษีแค่จีนและเม็กซิโก สินค้าไทยจะมีโอกาสทดแทนจีนและเม็กซิโกในตลาดสหรัฐฯ และแคนาดา ได้แก่ สินค้า Consumer goods ที่สหรัฐฯ นำเข้าจากเม็กซิโกสูง และเป็นคู่แข่งทางการค้ากับไทย อาทิ ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องรับโทรทัศน์ รถจักรยานและจักรยานยนต์และชิ้นส่วนพาหนะ เตาอบ (ยกเว้นเตาอบไมโครเวฟ) เฟอร์นิเจอร์ เครื่องแต่งกาย และเสื้อผ้าสำเร็จรูป เป็นต้น
ขณะเดียวกันส่วนในด้านการส่งเสริมการลงทุน ที่สหรัฐฯ จะเน้นการลดภาษี ลดกฎระเบียบ ผ่อนคลายข้อบังคับที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนและดึงดูดการลงทุนกลับประเทศ ผลกระทบระยะสั้น อาจทำให้เกิดการชะลอการตัดสินใจการลงทุนใหม่หรือขยายการลงทุนเดิมของสหรัฐฯ และพันธมิตรการลงทุนในประเทศไทยในกิจการที่เป็นการผลิตสินค้าขั้นกลางสำหรับ Global Supply Chain และเน้นตลาดในอเมริกาเหนือ แต่การลงทุนผลิตที่เน้นจำหน่ายในตลาดภูมิภาคเอเชียและใกล้เคียงไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากนโยบายดังกล่าวมากนัก
สำหรับนโยบายการคลังแบบขยายตัว (Expansionary Fiscal Policy) โดยเพิ่มการขาดดุลการคลังเน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น โครงข่ายไฟฟ้า ระบบคมนาคมสื่อสาร การพัฒนาและซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทั้ง ท่าเรือ สนามบิน ท่อส่งน้ำมัน และถนน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯระยะสั้นและเพิ่มกำลังซื้อประชาชน และจะส่งผลดีต่อการส่งออกไทย แต่ผลจากเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น อาจกดดันให้ FED เพิ่มอัตราดอกเบี้ย และอาจมีความเสี่ยงต่อการผันผวนของค่าเงินและตลาดทุน ทั้งนี้ เชื่อว่าค่าเงินบาทจะอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพสอดคล้องกับค่าเงินในภูมิภาค และรักษาความสามารถการแข่งขันของการส่งออกไทยไว้ได้
ในด้านการกีดกันแรงงานและผู้อพยพจากต่างประเทศ โดยดำเนินการสร้างกำแพงในเขตแดนที่ติดกับเม็กซิโก ตัดลดงบประมาณในรัฐที่มีผู้อพยพ ห้ามประชาชนจาก 7 ชาติมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐฯ และส่งกลับแรงงานที่เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายกลับประเทศ ซึ่งมาตรการเหล่านี้อาจกระทบต่อแรงงานไทย หากสหรัฐฯใช้มาตรการดังกล่าวเป็นการทั่วไป อย่างไรก็ดี จะเป็นโอกาสให้นักท่องเที่ยวกลุ่มประเทศมุสลิมเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น
น.ส.พิมพ์ชนกกล่าวว่า กรณีที่สหรัฐฯ ถอนตัวจาก TPP โดยนโยบายการค้าสหรัฐฯ จะมุ่งเน้นการเจรจาทวิภาคีมากกว่าการทำความตกลงแบบพหุภาคี ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อไทยเนื่องจากคู่แข่งทางการค้าสำคัญในสหรัฐฯ (เวียดนามและมาเลเซีย) จะไม่ได้เปรียบไทยในตลาดสหรัฐฯจากการเป็นสมาชิก TPP โดยสินค้าไทยที่จะมีความผ่อนคลายจากข้อกังวลของการมี TPP ที่มีสหรัฐฯเป็นสมาชิก ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ ยางรถยนต์ เครื่องปรับอากาศ โทรทัศน์ อัญมณีและเครื่องประดับ ไก่แปรรูป และอาหารทะเลแปรรูป
ส่วนนโยบายการค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับไทย เช่น ทบทวนสถานะ PWL รวมถึงทบทวน GSP ในปี 2017 ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ประเมินสถานการณ์ว่า สหรัฐฯจะยังคงมาตรการที่มีต่อไทยและอาจพิจารณาทบทวนสถานะ PWL ของไทยซึ่งคงอยู่มาเป็นปีที่ 9 โดยคาดว่า มาตรการและความพยายามต่างๆของไทยที่ผ่านมา โดยเฉพาะการตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง น่าจะช่วยให้สถานะของไทยดีขึ้น ในขณะที่การทบทวนการให้ GSP มีความเกี่ยวเนื่องกันทั้งรายได้ นโยบายการค้า และการละเมิดสิทธิ์ต่างๆ ซึ่งก็คงเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่เคยใช้เป็นปกติ
น.ส.พิมพ์ชนกกล่าวว่า ผลกระทบทางอ้อมที่ยังต้องติดตามยังมีอยู่บ้าง โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าขั้นกลางไปจีน ความเสี่ยงด้านความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน การเคลื่อนย้ายเงินทุนออก และมาตรการทางการค้าที่อาจมีเพิ่มเติม รวมทั้งการฟื้นตัวของราคาน้ำมันที่อาจทรงตัวในระดับปานกลาง ซึ่งส่งผลต่อราคาสินค้าเกษตรในระยะต่อไป โดยผู้ส่งออก ผู้ประกอบการ และนักลงทุนควรเตรียมความพร้อม ติดตามสถานการณ์ มีความรอบคอบในการลงทุน และประกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเหมาะสม