หลังนโยบายทรัมป์กีดกันมุสลิมเข้าสหรัฐฯ ทำนักลงทุนชาวมุสลิมทะลักเข้าเอเชียแทน ส่งผลดีทั้งการท่องเที่ยว– ลงทุนไทย คาดดัชนีเอ็มพีไอปี 60 อยู่ที่ 0.5-1%
นายวีรศักดิ์ ศุภประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจการคลัง (สศอ.) เปิดเผยถึงกรณีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานธิบดีประเทศสหรัฐฯ ออกนโยบายงดให้วีซ่าประชากรจาก 7 ประเทศมุสลิม เพื่อป้องกันการก่อการร้ายว่า ประเทศไทยจะได้รับอานิสงส์กลุ่มประเทศมุสลิม และประเทศในกลุ่มตะวันออกกลางหันมาการท่องเที่ยว และลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มประเทศดังกล่าวจะเดินทางไปประเทศสหรัฐฯ ลำบากขึ้น รวมทั้งบางประเทศที่ยังไม่ถูกกีดกันก็จะส่งผลต่อความรู้สึก
สำหรับปัจจัยที่มีความกังวลต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ต้องติดตามการดำเนินนโยบายของประเทศสหรัฐฯ ที่ยังไม่ชัดเจน แม้จะไม่ส่งผลโดยตรงต่อการส่งออกของไทยไปสหรัฐที่มีสัดส่วน 11.4% สูงสุดเป็นอันดับ 1 แต่อาจส่งผลกระทบทางอ้อมจากนโยบายกีดกันสินค้าจากจีนที่ไทยมีสัดส่วนส่งออกไปจีน 11% สูงเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐฯ ซึ่งกว่า 50% ในจำนวนของสินค้าที่ไทยส่งออกไปจีนนี้ อยู่ในห่วงโซ่อุปทานด้วย
“เราเป็นห่วงตลาดจีนมากกว่า เพราะสหรัฐฯ ตั้งกำแพงกีดกันสินค้าจากจีน แม้ไทยจะมีมูลค่าส่งออกสินค้าไปจีนอันดับสอง แต่เป็นสินค้าอยู่ในซัพพลายเชน 30% เช่น ยางพารา ดังนั้นจึงต้องติดตามว่าจะมีผลกระทบแค่ไหน โดยสศอ.ได้ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรกจะมีแรงหนุนจากการลงทุนภาครัฐ ส่วนครึ่งปีหลังจะมาจากการลงทุนภาคเอกชน และคาดหากแนวโน้มราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นเฉลี่ยไม่เกิน 60 ดออลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จะส่งผลดีต่อราคาสินค้าอุตสาหกรรม สินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงราคาสินค้าเกษตรปรับตัวขึ้นตามไปด้วย”