“อุตตม”รมว.อุตสาหกรรมเผยนายกฯ มีคำสั่งด่วน 24 ม.ค.มอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมทำหน้าที่ขับเคลื่อน”สสว.”เพื่อให้การปฏิบัติงานไม่ซ้ำซ้อน ประหยัดงบประมาณด้านการพัฒนา SMEs ของประเทศ เตรียมเรียกกลไกหลักสสว.กสอ.และอุตสาหกรรมจังหวัดหารือแนวทางทำงานสัปดาห์หน้า พร้อมเรียก คณะทำงาน 10 คลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมายทยอยกางแผนปฏิบัติงาน 5 ปี
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 ม.ค.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ลงนามคำสั่งมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมทำหน้าที่รับผิดชอบในการกำกับดูแลและการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม(SMEs)ในส่วนของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม(สสว.) ที่จะทำให้การทำงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและสสว.ไม่ซ้ำซ้อนเป็นไปในทิศทางเดียวกันเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยเฉพาะเรื่องงบประมาณ
“ นายกฯมอบให้กระทรวงอุตฯดูแลใกล้ชิดในการขับเคลื่อนการปฏิบัติให้เกิดขึ้นจริงแต่ไม่ได้หมายถึงสสว.อยู่ภายใต้การกำกับของกระทรวงอุตฯ โครงสร้างยังเหมือนเดิมไม่ได้ไปแตะ ซึ่งการมอบหมายก็เพราะเห็นว่า SMEs เป็นโจทย์ที่เราดูแลจึงต้องการให้การทำงานไปในทิศทางเดียวกัน “นายอุตตมกล่าว
ทั้งนี้สัปดาห์หน้าจะหารือร่วมกันระหว่าง สสว. กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.)ที่มีบทบาทดูแลSMEs ในขณะนี้ รวมถึงอุตสาหกรรมจังหวัดที่จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการปฏิบัติที่จะทำอย่างไรไม่ให้ซ้ำซ้อนและกำหนดหน้าที่ให้ชัดเจนซึ่งได้มอบหมายให้กสอ.ไปทำแผนปฏิบัติการให้ชัดเจนแล้วและจะมาส่งในสัปดาห์หน้าโดยต้องกำหนดโครงการและผู้ดำเนินโครงการที่เน้นการสร้างองค์ความรู้ การปรับตัวรองรับอุตสาหกรรม 4.0 ควบคู่ไปกับการช่วยเหลือทางการเงินผ่านกองทุนพัฒนาSMEs เป็นต้น
นอกจากนี้สัปดาห์หน้าคณะทำงานคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมาย(S-Curve)ที่มี 10 กลุ่มจะต้องทยอยรายงานแผนปฏิบัติการที่ตนได้มอบโจทย์ไปให้ทำแผนชัดเจนว่าในระยะ 5 ปีข้างหน้าจะดำเนินการเช่นไร จะเริ่มดำเนินการในพื้นที่ใด มีเงินลงทุนเท่าใดและใครควรจะเป็นผู้ลงทุน และสำคัญสุดต้องตอบโจทย์ว่าประชาชนคนไทยจะได้อะไรจากโครงการทั้งหมดซึ่งปี 2560 จะต้องเริ่มนำไปสู่การปฏิบัติงาน
“ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนและตอบโจทย์แผนปฏิบัติงานคืออุตสาหกรรมชีวภาพซึ่งเราต้องการให้เห็นภาพเช่นนั้น ตัวอย่างต่างประเทศมีแผนพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าหรือ EV จะเริ่มต้นบางพื้นที่เช่นเมืองหนึ่งก่อนแล้วกำหนดว่ารถยนต์ในเมืองนี้ต้องเป็น EV เราเองก็อาจเดินไปในลักษณะนี้ได้ที่จะมีการเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวเราก็อาจทำได้และก็เริ่มต้นจากรถEVที่เป็นรถบริการสาธารณะในพื้นที่นั้นๆ”นายอุตตมกล่าว
นอกจากนี้ยังได้หารือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ที่จะมีการตั้งคณะทำงานร่วมกันโดยในเดือนก.พ.จะได้เดินทางไปหารือร่วมกันที่ส.อ.ท.โดยคณะทำงานร่วมก่อนหน้านี้ก็มีการจัดตั้งบ้างแล้วจะมาดูว่าจะทำอย่างไรให้สอดคล้องกับนโยบายปัจจุบันเช่น คณะทำงาน S-Curve คณะทำงานสิ่งแวดล้อม รวมถึงคณะใหม่เช่น คณะทำงานเพื่อจัดทำเครือข่ายฐานข้อมูลผู้ประกอบการ เป็นต้น