นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยความคืบหน้าเพิ่มเติมของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC ) ว่าร่าง พ.ร.บ.เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คาดว่าจะประกาศใช้ช่วงเดือนเมษายน หรืออย่างช้าภายในครึ่งปีแรก
“EEC จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการดึงดูดการลงทุน ระยะแรกจะมุ่งขยายคลัสเตอร์ที่มีศักยภาพในนิคมฯบริเวณพื้นที่อีสเทิร์นซีบอร์ดเดิม คือ ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ระยะต่อไปจะเน้นพัฒนาพื้นที่เพื่อรองรับกลุ่ม First S-Curve ได้แก่ กลุ่มเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ ยานยนต์อนาคต และเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะและกลุ่ม New-S-Curve ได้แก่ หุ่นยนต์ นวัตกรรม การแพทย์ครบวงจร แปรรูปอาหาร การบินและโลจิสติกส์ หากมีอุตสาหกรรมเต็มศักยภาพจะมีพื้นที่ 200,000 ไร่ ก่อให้เกิดเงินลงทุน 1.5 ล้านล้านบาท” นายอุตตม กล่าว
แผนงานพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกปี 2560-2564 ที่ภาครัฐตั้งใจผลักดันมีวัตถุประสงค์ คือ 1.ลดต้นทุนโลจิสติกส์ 2.เพิ่มฐานภาษีของรัฐบาล3.ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และ 4.ยกระดับคุณภาพชีวิตและรายได้ของประชาชน และเป้าหมายสำคัญ คือเศรษฐกิจขยายตัว 5% ต่อปี เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น 1 แสนคนต่อปี เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว 10 ล้านคนต่อปี