สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

แนะรัฐเร่งกระตุ้นศก.ฟื้นบริโภค กูรูคาดจีดีพี Q3 โตเกินเป้า-‘สมคิด’ไม่ห่วงเงินไหลออก
25/11/2016
ข่าวเศรษฐกิจ
“สมคิด”มั่นใจจีดีพีทั้งปีไม่ตํ่ากว่า 3.3% โยนคลังเข็นมาตรการกระตุ้นปลายปี-ยํ้าขอให้มั่นใจรัฐและธปท.ดูแลค่าเงินใกล้ชิด ไม่ห่วงเงินไหลออก ด้านนักเศรษฐศาสตร์ลุ้นไตรมาส 3 มีโอกาสส่งออกเซอร์ไพรส์เชียร์รัฐกระตุ้นระยะสั้นดึงกำลังซื้อ


สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) กำหนดแถลงตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)ไตรมาส 3/2559 ในวันจันทร์ที่ 21พฤศจิกายน 2559 ขณะที่สำนักวิจัยเตรียมปรับประมาณการจีดีพีอีกครั้งนั้น

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนตัวยังค่อนข้างมั่นใจว่า จีดีพีปีนี้ จะขยายตัวได้ตามที่กระทรวงการคลังประเมินไว้ไม่ต่ำกว่า 3.3% ส่วนปีหน้าอาจต้องประเมินสถานการณ์ที่ปัจจัยได้เปลี่ยนไปส่วนนโยบายกระตุ้นการใช้จ่ายปลายปีนั้น เชื่อว่านโยบายทั้งระยะสั้นและระยาว นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคงดูแลอยู่แล้ว

ด้านภาวะเงินทุนไหลออกที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น ส่วนตัวไม่กังวล และไม่ใช่ไทยเพียงประเทศเดียวที่เงินไหลออกช่วงนี้ โดยเฉพาะตลาดประเมินผ่านนโยบายของ โดนัล ทรัมป์ว่าจะมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่มากขึ้น บวกกับการนำวิธีลดภาษีให้กับบริษัทของสหรัฐ สิ่งต่างๆเหล่านี้จะเป็นตัวจุดเศรษฐกิจของสหรัฐ (Jump start) และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)จะยกอัตราดอกเบี้ยขึ้นเพื่อกดดันเงินเฟ้อ ปัจจัยดังกล่าวจึงดึงเงินทุนไหลกลับสู่สหรัฐฯ ส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่า ขณะที่สกุลเงินของแต่ละประเทศรวมทั้งไทยมีทิศทางอ่อนค่า

นายสมประวิณ มันประเสริฐ ที่ปรึกษาและหัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) บมจ.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า แนวโน้มการขยายตัวเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในไตรมาสที่ 3 ประเมินว่าจะอยู่ในอัตรา 3.1% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือขยายตัว 0.5% เทียบไตรมาสก่อนหน้า หากดูตัวเลขไตรมาสต่อไตรมาสจะเห็นอัตราการเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งมาจากทุกปัจจัย ทั้งในส่วนของการท่องเที่ยว การส่งออกที่ตัวเลขออกมาเป็นบวกมากขึ้น และภาครัฐยังมีการใช้จ่ายต่อเนื่อง ขณะเดียวกันการบริโภคที่เคยชะลอก่อนหน้าเริ่มเห็นสัญญาการฟื้นตัวจากกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นตัวสนับสนุนการขยายตัวในไตรมาสที่ 3 คาดว่าตัวเลขสศช.น่าจะอยู่ในระดับดังกล่าว

ขณะที่ทิศทางไตรมาสที่ 4 ภาพจะเปลี่ยนจากไตรมาส 3 เล็กน้อย โดยมีปัจจัยมาตรการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจบางอย่างชะลอตัวลง ทำให้การบริโภคถูกกระทบระยะสั้นในเรื่องของความเชื่อมั่น แม้ส่งผลให้การเติบโตไตรมาส 4 ซอฟต์ลงแต่ไม่กระทบกิจกรรมในระยะยาว โดยธนาคารคาดการณ์ไตรมาส 4 ขยายตัวอยู่ที่ 3.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 0.8% เทียบจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งปัจจัยกระตุ้นจะมี 2 ส่วน คือ 1.การผลักดันเม็ดเงินลงสู่โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นมาตรการที่ภาครัฐทำต่อเนื่อง และ 2.มาตรการกระตุ้นระยะสั้น แม้ว่าจะไม่จำเป็น แต่ภาครัฐก็ควรทำ เพราะจะช่วยเป็นจุดๆ เช่น ตอนนี้ภาคเกษตรกำลังมีปัญหา ภาครัฐจึงต้องเข้าไปช่วยพยุง เป็นต้น

” มีความเป็นไปได้ว่าไตรมาสที่ 3 จีดีพีจะขยายตัวดีกว่าคาดการณ์ โดยมาจากการส่งออกที่อาจเซอร์ไพร์ส เชื่อว่าภาครัฐจะมีมาตรการระยะสั้นออกมาช่วยพยุงการบริโภคไม่ให้ซบเซา ทั้งนี้โดยรวมจีดีพีทั้งปีที่ 3.2% ยังถือว่าเป็นการเติบโตที่มีเสถียรภาพ และเป็นการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป”

นายจิติพล พฤกษาเมธารัตน์ รองผู้อำนวยการศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบีกล่าวว่า ศูนย์วิเคราะห์ทีเอ็มบีมองว่า ถ้ามีมาตรการกระตุ้นออกมาจะช่วยดันจีดีพีอีกแรง เพราะปลายปีคนรอจับใช้อยู่แล้ว บวกกับมาตรการภาครัฐระยะสั้นที่ดำเนินการไปก่อนหน้าจะเห็นผลในไตรมาสที่4 ของปีนี้ซึ่งเป็นไตรมาส 1ของปีงบประมาณ 2560 โดยคาดว่า จีดีพีไตรมาส 3 ขยายตัวได้ 3.1%

สำหรับทิศทางอัตราแลกเปลี่ยนนั้น แนวโน้มเงินบาทอาจถูกกดดันจากผลพวงจากผลการเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกาซึ่งนักลงทุนขายพันธบัตรไปลงทุนในตลาดหุ้นทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรปรับเพิ่มและส่งผลต่ออัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยเช่นกันซึ่งปัจจัยดังกล่าวมีส่วนทำให้เงินบาทอ่อนค่า ประกอบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น

ขณะเดียวกันประเทศที่อยู่ภายใต้กลุ่มความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก(ทีพีพี) (อาทิ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น แคนาดา สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม ชิลี และเม็กซิโก) มีแนวโน้มอ่อนค่าและกดดันเงินบาทไทย แต่แนวโน้มเงินทุนเคลื่อนย้ายนั้นยังไม่เป็นปัจจัยที่น่าห่วง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,211 วันที่ 20 – 23 พฤศจิกายน 2559
ที่มาของข่าว: ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.