สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

'สมคิด' จับตานโยบาย 'ทรัมป์'
18/11/2016
ข่าวเศรษฐกิจ
"สมคิด" จับตานโยบาย "ทรัมป์" มองผันผวนระยะสั้น นโยบายช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ หนุนเอกชนไทยหาโอกาสลงทุน เชื่อสหรัฐไม่ทิ้งเอเชีย



รัฐบาลจับตานโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐ พร้อมปรับรองรับการเปลี่ยนแปลง แต่ประเมินว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ดำเนินนโยบายอย่างรอบคอบบนเวทีโลก 

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่ารัฐบาลติดตามความชัดเจนในเรื่องนโยบายว่านายทรัมป์จะดำเนินนโยบายทุกอย่างตามที่ได้หาเสียงไว้หรือไม่ เพราะขณะนี้เริ่มมีสัญญาณว่านโยบายบางอย่างที่หาเสียงอาจมีการปรับเปลี่ยน ไม่ให้มีความสุดโต่ง หรือมีการประนีประนอมมากขึ้นเพื่อให้สามารถขับเคลื่อนนโยบายได้ 

“สหรัฐเป็นผู้นำโลก ยังไงสิ่งที่เขาจะทำก็ต้องดูแนวโน้มผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประเทศ และเกิดขึ้นกับโลกด้วย เช่นนโยบายเรื่องการแก้ไขภาวะโลกร้อน (Climate Change) ที่ทรัมป์เคยหาเสียงว่าจะไม่สนับสนุน พอถึงเวลาจริงๆ บทบาทของสหรัฐตรงนี้ก็อาจยังคงความเป็นผู้นำและร่วมกับสังคมโลกแต่จะมากน้อยอย่างไรเท่านั้น และทรัมป์เป็นคนฉลาดผมเชื่อว่าเขาทำอะไรจะไตร่ตรองบทบาทของสหรัฐในเวทีโลกอย่างรอบคอบ” นายสมคิด กล่าว 

ชี้นโยบายลงทุนเปิดโอกาสธุรกิจไทย 

สำหรับผลกระทบในเรื่องเศรษฐกิจนายสมคิดกล่าวว่าต้องจับตาดูนโยบายสำคัญ เช่น การลดภาษีเงินได้นิติบุคคล จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเติบโต และภาคเอกชนจะหนุนนโยบาย โดยนโยบายนี้จะสนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมภายในสหรัฐ ซึ่งนโยบายดึงดูการลงทุนไปยังสหรัฐก็มีประโยชน์กับภาคเอกชนขนาดใหญ่ของไทยที่อาจจะเข้าไปลงทุนเพิ่มในสหรัฐเช่นกันเพราะปัจจุบันหลายบริษัทของไทยมีศักยภาพและความเข้มแข็งในการเข้าไปลงทุนได้ 

ส่วนการลงทุนของสหรัฐในเอเชียจำนวนมาก มีหลายบริษัทที่มีการลงทุนในเอเชีย มีแผนที่จะขยายการลงทุน หรือมีหลายบริษัทของสหรัฐที่ลงทุนในจีน เช่น เฟซบุ๊ค กูเกิล ก็ลงทุนในสหรัฐ สมมุติว่าระหว่างจีนกับสหรัฐ มีปัญหากันจริง การย้ายการลงทุนก็ต้องมาในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

“โอกาสดึงดูดการลงทุนก็มี มีทั้งข้อดีและข้อเสีย เราต้องดูว่าอันไหนเป็นข้อเสีย อันไหนเป็นโอกาสที่เราจะได้รับ” 

ไม่ห่วงตลาดผันผวน-บาท35หนุนส่งออก 

นายสมคิด กล่าวว่าไม่มีอะไรที่ต้องตื่นตกใจเป็นพิเศษ แม้ในระยะสั้นจะมีผลกระทบความผันผวนพอสมควร โดยเฉพาะในตลาดการเงินและอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งมองว่าจะเป็นในช่วงแรก เนื่องจากกลัวเรื่องกระแสเงินทุนไหลกลับ ซึ่งทำให้ค่าเงินบาทก็อ่อนลง 

“เรื่องของเงินทุนเคลื่อนย้าย เราก็ได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อยู่ตลอด และเขาก็ดูตรงนี้ให้มีเสถียรภาพอยู่แล้ว ตอนนี้ค่าเงินบาทอยู่ที่35 เศษ ก็เป็นระดับที่อ่อนพอดี มีประโยชน์ต่อการส่งออกพอสมควร” 

คาดนโยบายกระตุ้นหนุนศก.สหรัฐโต 

อีกส่วนหนึ่งคือการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ ซึ่งทรัมป์ประกาศจะใช้เงินประมาณ 100พันล้านดอลลาร์ ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐกระเตื้องและเป็นการพัฒนารองรับเติบโตสำหรับระยะต่อไปในอนาคตซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่สหรัฐไม่ได้มีการลงทุนมานาน ซึ่งนโยบายแบบนี้จะดีต่อเศรษฐกิจของสหรัฐ แต่จะเสียวินัยการคลังหรือไม่อยู่ที่ภาคประชาชน และกลไกในสหรัฐต้องตรวจสอบเองว่าจะกระทบวินัยการคลังหรือไม่ 

“ถ้าเขาใช้นโยบายการลดภาษีทำให้หลังเลือกตั้งหุ้นขึ้น ดอลลาร์แข็ง โดยความเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเติบโตได้ เพราะที่ผ่านมาสิบปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจประเทศหลักๆกระตุ้นไม่ขึ้น เพราะประเทศเหล่านี้ไม่ใช้นโยบายการคลังเลย จากความเป็นห่วงเรื่องหนี้สาธารณะ" 

สำหรับนโยบายเรื่องการค้าที่มีความกังวลว่าทรัมป์จะกีดกันการค้าจากจีน ซึ่งตนมองว่านโยบายของทรัมป์คือการปกป้องตลาดของสหรัฐ ส่วนการต่อต้านสินค้าจีน (Anti China) อาจเกิดขึ้นบ้างในช่วงต้นของการเข้ามารับตำแหน่ง แต่ไม่ใช่ระยะยาว และไม่ใช่การกีดกันสินค้าจากหลายประเทศ เนื่องจากสหรัฐก็ต้องการการเติบโตทางเศรษฐกิจ การขยายการผลิตดังนั้นต้องนำเข้าสินค้า วัตถุดิบจากภายนอก ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าประเทศใดจะเสนอสินค้าและวัตถุดิบให้กับสหรัฐได้ก็จะนำไปสู่การเจรจากัน 

ไทยพร้อมรับมือนโยบายการค้า 

นายสมคิด กล่าวถึงประเด็นที่นายทรัมป์จะยกเลิกข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก(TPP) ว่าขณะนี้เรายังไม่ทราบแน่ชัดว่า TPP จะยกเลิกหรือไม่ หรือทรัมป์จะเดินหน้าต่อ ดังนั้นสิ่งที่ประเทศไทยต้องทำก็คือการเตรียมความพร้อม ศึกษาข้อดีข้อเสีย 

“หากเขาไม่ยกเลิกเราก็พร้อมที่จะเจรจาเข้าเป็นสมาชิก หากสหรัฐยกเลิกไทยพร้อมที่จะเข้าร่วมเจรจาในเขตเสรีการค้าอื่นๆ รวมทั้งต้องเดินหน้าต่อไปในการเจรจาเขตเศรษฐกิจความร่วมมือในภูมิภาคอาเซียน (RCEP) ซึ่งจะเป็นความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่มีความสำคัญมากในการเชื่อมโยงการค้าและความร่วมมือของชาติต่างๆในเอเชีย” 

นายสมคิด กล่าวว่า รัฐบาลมีหน้าที่ต้องจับตาดู ถ้าเขาไม่เลิกเราก็ต้องเตรียมความพร้อมของเราต่อไปที่จะเข้าร่วมเป็นสมาชิก แต่ถ้าเขาไม่เดินหน้าต่อ ก็ยังเชื่อว่านโยบายของทรัมป์ก็ยังให้ความสำคัญกับเอเชีย เนื่องจากเอเชียเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญ 

"เอเชียต้องเชื่อมต่อกันเองด้วย พึ่งพากันมากขึ้น RCEP ถือเป็นทางเลือกในการเชื่อมโยงการค้าในภูมิภาคขนาดใหญ่ ส่วนนโยบายของเราก็ให้ความร่วมมือทางการค้าในภูมิภาค ถามว่าตลาดไทยพึ่งพาตะวันตกมากแค่ไหน ก็10% เราพึ่งพายุโรป–สหรัฐ ที่เหลือคืออยู่ภายนอก แต่หาก TPP ยกเลิกเอเชียจะเกิดการค้ากันเอง เราต้องเน้นในอาเซียน และ CLMV เพื่อเพิ่มการค้าขายในประเทศใกล้เคียง”นายสมคิดกล่าว 

เฟดจับตาปฏิกิริยาตลาดหลัง“ทรัมป์”คว้าชัย 

นายแดเนียล ทารัลโล เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่าเฟดจะจับตาดูปฏิกิริยาในตลาดเงิน ในช่วงที่กำลังตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงิน แต่ไม่จำเป็นที่เฟดจะต้องปรับแนวทางการขึ้นดอกเบี้ย เพียงเพราะมีการคาดหมายว่ารัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของนายโดนัลด์ ทรัมป์ จะทุ่มงบใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐานจนทำให้ขาดดุลมากขึ้นและอาจทำให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้น 

นายทารัลโล กล่าวว่า ค่าจ้างแรงงานที่สูงขึ้น ราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น และข้อมูลอื่นๆ สะท้อนถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่แตกต่างออกไปจากเมื่อ 2-3 เดือนที่แล้ว ทำให้เฟดหันมาเน้นหารือเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่เหมาะสม ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์รายงานว่ายอดขายปลีกเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 0.8% ซึ่งมากกว่าที่คาดไว้ อันสะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ 
ทั้งนี้ นายทรัมป์ประกาศว่ามีแผนทุ่มลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งอาจดันให้เงินเฟ้อสูงขึ้น และทำให้เฟดต้องขึ้นดอกเบี้ยในอัตราเร็วขึ้น 

คาดทุ่มใช้จ่ายดันเศรษฐกิจโต 

นายเจมส์ บุลลาร์ด ผู้กำหนดนโยบายของเฟด กล่าวว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐจะได้รับผลกระทบช่วงปี 2561-2563 จากแผนการของนายทรัมป์ที่จะทุ่มใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานและการปฏิรูปภาษี-กฎระเบียบ พร้อมเสริมว่าผลเลือกตั้งสหรัฐที่ช็อกโลก ไม่ได้สร้างความปั่นป่วนแก่ตลาดเหมือนที่คาดกันไว้ 

ส่วนการคาดหมายว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นสืบเนื่องจากแผนการใช้จ่ายของนายทรัมป์ ก็ถือเป็นพัฒนาการที่ดีตามมุมมองของเฟด ซึ่งก่อนหน้านี้วิตกเกี่ยวกับราคาอุปโภคบริโภคที่ซบเซา 

นายบุลลาร์ดกล่าวว่าการขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้ง ซึ่งอาจเป็นเดือนหน้า อาจเพียงพอที่จะทำให้นโยบายการเงินของสหรัฐ อยู่ในระดับที่เป็นกลาง สำหรับการแข็งค่าของเงินดอลลาร์และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่สูงขึ้นตั้งแต่นายทรัมป์ชนะเลือกตั้ง ยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบใกล้เคียงกับเมื่อปีที่แล้ว 

ภาคอุตฯร้อง“ทรัมป์”เจรจาแก้ปัญหาการค้า 

นายทรัมป์ รับปากระหว่างหาเสียงว่าจะถอนตัวจากข้อตกลงนาฟตาหากไม่มีการเจรจาใหม่จนเป็นที่พอใจ ทั้งยังจะประกาศให้จีนเป็นประเทศที่บิดเบือนค่าเงิน และอาจเก็บภาษี 45% สำหรับสินค้าจากจีน อย่างไรก็ตาม นายสกอตต์ พอล ประธานสมาพันธ์ผู้ผลิตอเมริกา ซึ่งเป็นตัวแทนอุตสาหกรรมเหล็กและอุตสาหกรรมพื้นฐานอื่นๆ กล่าวว่ายังมีแนวทางที่ยังเหลืออยู่มากมายระหว่างนโยบายปัจจุบันกับการทำสงครามการค้า และอยากเห็นนายทรัมป์เน้นเรื่องการบังคับใช้กฎการค้าที่มีอยู่มากกว่า 

นายจอห์น แองเกลอร์ ซึ่งเป็นตัวแทนผู้บริหารบริษัทขนาดใหญ่ กล่าวว่าอยากเห็นนายทรัมป์กระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการปฏิรูปภาษีและใช้ความพยายามเจรจาเพื่อแก้ปัญหาสินค้านำเข้าราคาถูก คล้ายกับสมัยอดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน 

นางลินดา เดมพ์ซีย์ รองประธานสมาคมผู้ผลิตแห่งชาติ กล่าวว่าหากนายทรัมป์หยิบนาฟตาขึ้นมาเจรจาใหม่ จะต้องไม่เป็นผลเสียต่อสินค้าส่งออกอเมริกัน เพราะมีงาน 2 ล้านตำแหน่งในสหรัฐที่พึ่งพาการค้ากับแคนาดาและเม็กซิโก
ที่มาของข่าว: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.