พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเดินทางตรวจเยี่ยม มอบนโยบาย และติดตามความก้าวหน้าของโครงการต่างๆของกระทรวงคมนาคมว่า พอใจกับแผนการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2559 และแผนปี 2560 ของกระทรวงคมนาคม (คค.)ส่วนแผนที่จะดำเนินการในปี 2561 นั้นต้องให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลและแผนยุทธศาสตร์ 20 ปีของกระทรวงคมนาคมซึ่งได้จัดแบ่งออกเป็นทุกระยะ 5 ปี ประการสำคัญต้องสามารถบอกให้ได้ว่ารายได้จะกลับคืนมายังที่ไหนได้บ้าง โดยรัฐบาลมีแผนเบิกจ่ายงบประมาณกำหนดไว้ชัดเจนแล้ว
“รัฐบาลอยู่ระหว่างการเดินหน้าปรับโครงสร้างรายได้ รายจ่ายของประเทศใหม่ แต่คงจะดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยโครงการในปี 2561 กำหนดไว้พร้อมแล้วในแต่ละปีงบประมาณ อาทิ รถไฟไทย-จีน รถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ ที่จะช่วยร่นระยะเวลาการเดินทางของประชาชนได้อย่างมาก เดินทางไม่กี่นาทีก็ถึงนครราชสีมาและหนองคายด้วยรถไฟไทย-จีน นอกจากนั้นยังข้ามไปยังสปป.ลาวได้สะดวกยิ่งขึ้น ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยายให้เร่งเจรจาภายใน 30 วันเนื่องจากไม่อยากใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรีมากจนเกินไป อย่ามองแต่ว่าเป็นการเอื้อประโยชน์เท่านั้น อยากให้มองว่าปัญหาอยู่ตรงไหนแล้วจะแก้ไขปัญหานั้นอย่างไร เช่นเดียวกับโครงการที่ติดปัญหาการจัดทำรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ก็ให้เร่งเคลียร์นอกเหนือจากเรื่องที่มีการร้องเรียนจากประชาชนในแต่ละพื้นที่”
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ย้ำ 2 เรื่องหลัก คือ 1.การสนับสนุนความสะดวกด้านการเดินทางของประชาชนในการเดินทางมาร่วมถวายสักการะพระบรมศพที่สนามหลวงให้ได้เดินทางอย่างสะดวก 2.ให้กำลังใจในการเร่งขับเคลื่อนระบบคมนาคมขนส่งเพื่อสนองนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะช่วง 3 ปีที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมได้ขับเคลื่อนโครงการต่างๆมากพอสมควร โดยเฉพาะโครงการที่ล่าช้านับ 10 ปี โดยในปี 2559 ในจำนวน 20 โครงการดำเนินการได้แล้ว 16 โครงการ และในปี 2560 จะดำเนินการต่อเนื่องให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล
“นายกรัฐมนตรีให้ยึดถือปฏิบัติตามแผนแม่บทที่ได้มีการศึกษาไว้แล้ว อาทิ แผนแม่บทการก่อสร้างถนน 4 เลน หรือแผนแม่บทการพัฒนาระบบรถไฟทางคู่ และแผนแม่บทการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนในเขตกรุงเทพมหานคร แผนแม่บทรถไฟความเร็วสูงก่อนที่จะเสนอขออนุมัติจากรัฐบาล หากไม่มีแบบแผนชี้แนวทางก็อาจจะกระทบให้เกิดความล่าช้าในภายหลังได้”
นอกจากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ยังได้ให้ข้อคิดเห็นในแผนยุทธศาสตร์การคมนาคมขนส่ง ระยะ 20 ปี โดยได้แบ่งเป็น 4 ระยะระยะละ 5 ปี โดยใน 5 ยุทธศาสตร์หลักที่ครอบคลุมแต่ละระยะสามารถปฏิบัติควบคู่กันไปได้โดยไม่ต้องรอว่าเสร็จช่วง 5 ปีแล้วจึงดำเนินการในยุทธศาสตร์ต่อไป แต่ระยะเวลาแล้วเสร็จอาจไม่พร้อมกันเนื่องจากกระทรวงคมนาคมมอง 3 ประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเรื่องโครงข่ายทั้งหมดจะต้องเชื่อมโยงกันได้
“หลักสำคัญจะต้องให้เห็นการเชื่อมโยงภายในโครงข่าย และจะต้องมีความพร้อมบูรณาการกับหน่วยงานอื่นๆ อาทิ เรื่องการศึกษาด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่จะต้องทำงานร่วมกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดต่อไป หรือกระทรวงมหาดไทยที่จะมีเรื่องผังเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง เมื่อเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)ก็จะได้อนุมัติคราวเดียวกันไปไม่ต้องย้อนกลับไปถามความเห็นหน่วยนั้นหน่วยนี้อีก”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,207 วันที่ 6 – 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559