นางอรรชกา สีบุญเรือง รมว.อุตสาหกรรมเปิดเผยว่า การสร้างผู้ประกอบการใหม่เป็นกลไกในการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ทั้งการก่อให้เกิดการจ้างงานสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ในอัตราสูงเพิ่มศักยภาพในการแทนที่ธุรกิจแบบเดิม พร้อมทั้งยังช่วยให้เกิดการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์และการบริการใหม่ๆ ให้สอดรับกับความต้องการของตลาดผู้บริโภคที่มีสูงขึ้น
ทั้งนี้ การสร้างผู้ประกอบการกลุ่มสตาร์ทอัพ ถือเป็นเป้าหมายหนึ่งในการส่งเสริมผู้ประกอบการให้นำความคิดสร้างสรรค์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการพัฒนาสินค้าและบริการที่มีมูลค่าสูง เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่ยุคประเทศไทย 4.0 โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) จึงมุ่งเน้นสร้างผู้ประกอบการใหม่ที่มีมูลค่าสูง (High ValueStartup) ใน 3 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย คือ 1.Agri Tech & Food Tech เช่น เกษตรแปรรูป อาหารแปรรูป อาหารเพื่อสุขภาพ อาหารออร์แกนิค เป็นต้น 2.Health & Wellness เช่น เวชภัณฑ์อุปกรณ์ทางการแพทย์ ของใช้ผู้สูงอายุ ผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม เป็นต้น และ 3.Service Tech เช่น ธุรกิจการท่องเที่ยว ด้านการออกแบบและดีไซน์ และด้านวัฒนธรรม
โดยมีรูปแบบการส่งเสริมและพัฒนากลุ่มสตาร์ทอัพ ประกอบด้วย 1.การเข้าถึงแหล่งเงินทุนด้วยการจัดให้มีกิจกรรมนำเสนอแผนธุรกิจของผู้ประกอบการ (Pitching) เพื่อแสวงหาโอกาสทางการเงินและการเข้าถึงแหล่งเงินทุน 2.การสร้างผู้ประกอบการรายใหม่ ด้วยการส่งเสริมความรู้และทักษะในการดำเนินธุรกิจ เช่น การบ่มเพาะธุรกิจ หรือการฝึกอบรม 3.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
นายสมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าวว่า กสอ.กำลังรผลักดันกลุ่มสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดธุรกิจ มีความสามารถในเชิงเทคโนโลยี นวัตกรรมและความคิดเชิงสร้างสรรค์ ผ่านกระบวนการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการธุรกิจ รวมถึงยังมีนโยบายในการผลักดันให้ผู้ที่ผ่านการเข้าร่วมโครงการต่างๆ ของกระทรวงที่มีศักยภาพ และการแนะนำให้ผู้ประกอบการรายเก่าบางรายที่มีรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่ยังไม่สอดรับกับภาวการณ์ทางเศรษฐกิจปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนธุรกิจไปสู่ธุรกิจใหม่ที่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยในปี 2560 ตั้งเป้าการสร้างและพัฒนาธุรกิจกลุ่มนี้มากกว่า 4,000 รายทั่วประเทศ ภายใต้งบประมาณปี 2560 กว่า 80 ล้านบาท
นายพสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กล่าวว่า ภาคเหนือนับเป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่น่าจับตามองพื้นที่หนึ่งของประเทศ ในการพัฒนากลุ่มสตาร์ทอัพ เนื่องจากมีโครงสร้างทางเศรษฐกิจครอบคลุมหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นภาคการบริการ ภาคอุตสาหกรรม และภาคการเกษตร นอกจากนี้ยังมีความพร้อมจากการเป็นคลัสเตอร์ดิจิทัล โดยเฉพาะเชียงใหม่ ซึ่งปัจจุบันมีสตาร์ทอัพจำนวนมาก จึงคาดว่าจากศักยภาพดังกล่าวในอนาคตเชียงใหม่จะเป็น Startup District หรือเมืองแห่งสตาร์ทอัพ ได้อย่างมีศักยภาพ