สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

'สมคิด'เรียกร้องคนไทยเชื่อมั่นศก. ชี้ต่างชาติจับตา
21/10/2016
ข่าวเศรษฐกิจ
"สมคิด"เรียกร้องคนไทยเชื่อมั่นเศรษฐกิจประเทศ ยันศก.สดใส หวังคนไทยเปลี่ยนความโศกเศร้าเป็นพลังสามัคคีขับเคลื่อน ระบุต่างชาติจับตาทิศทางประเทศ



นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้คนไทยมั่นใจศักยภาพเศรษฐกิจของประเทศ และร่วมกันผลักดันเพื่อพิสูจน์ให้ต่างชาติได้เห็น ก็เชื่อว่านักลงทุนจะหลั่งไหลเข้าไทย 

นายสมคิด กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดงาน “Creative Thailand 2016” หรือ งานมหกรรมความคิดสร้างสรรค์ของไทย ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา วานนี้ ( 19 ต.ค.) ว่าแม้ขณะนี้ ประชาชนชาวไทยจะอยู่ในภาวะโศกเศร้า แต่ขอให้เชื่อมั่นว่ารัฐบาลยังคงเดินหน้าตามนโยบายที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายไว้ คือจะต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจและประเทศให้เดินหน้าต่อไป 

“ขออย่ากังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้น และขอให้เปลี่ยนความโศกเศร้าของประชาชนเป็นพลังสามัคคีของคนทั้งประเทศเพื่อขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า โดยน้อมนำหลักปรัชญาและสืบสานพระปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชไปใช้เพื่อเป็นการสนองพระมหากรุณาธิคุณ”

นายสมคิด กล่าวว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้ไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และขอประชาชนทุกคนอย่าหวั่นไหวกับสถานการณ์ โดยขอให้มั่นใจในศักยภาพในการพัฒนาของประเทศ พร้อมทั้งเชื่อว่าในอนาคตการลงทุนจากต่างประเทศจะหลั่งไหลเข้ามาอย่างแน่นอน หากประชาชนเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศไม่ให้หยุดนิ่ง และมั่นใจในรัฐบาลที่จะดำเนินการตามโรดแมพการพัฒนาประเทศที่วางไว้ 

ชี้ต่างชาติจับตาทิศทางประเทศ 

นายสมคิด กล่าวอีกว่าอยากเน้นย้ำให้ประชาชนเห็นภาพว่าขณะนี้ต่างประเทศกำลังจับตาดูประเทศไทยอยู่ว่าจะมีทิศทางเดินหน้าอย่างไร ดังนั้นเราต้องพิสูจน์ตัวเอง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และหลังจากนั้นเชื่อว่าต่างชาติพร้อมหลั่งไหลเข้ามาลงทุนแน่นอน 

“ภาวะแบบนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องเศรษฐกิจ ทุกอย่างเราก็พยายามขับเคลื่อนอยู่และสัญญาณการลงทุนของต่างชาติก็จะมีหลั่งไหลเข้ามาแน่นอน ถ้าคนไทยลุกขึ้นมาทำ ลุกขึ้นมาเดินหน้าประเทศพยายามผลักดันต่อไปทำให้ต่างชาติเห็นพลังเหล่านี้ ขณะเดียวกันปัจจุบันเราเดินมาถูกทางแล้ว ทั้งในเรื่องของการผลักดันไทยแลนด์ 4.0 การส่งเสริมครีเอทีฟไทยแลนด์ รวมทั้งพัฒนาอีสเทิร์นอีโคนามิกคอร์ริดอร์ เพราะยุคของอีสเทิร์นเอเชียกำลังมา และการเดินทางไปพบนักลงทุนต่างชาติที่ล่าสุดได้มีโอกาสไปอย่าง ฝรั่งเศส เยอรมัน และสวีเดน ทุกคนตอบรับว่าจะมาลงทุนแน่นอน” 

หวังงานครีเอทีฟไทยแลนด์กระตุ้น 

นายสมคิด ยังกล่าวอีกว่า สำหรับงานครีเอทีฟไทยแลนด์ที่เปิดตัวในครั้งนี้จะเป็นตัวแปรสำคัญของการสร้างแรงบันดาลใจให้ประชาชนเปลี่ยนความคิดเชิงพาณิชย์ให้เป็นธุรกิจนำความคิดสร้างสรรค์มาสร้างชาติ เพราะต้องยอมรับว่าขณะนี้หลายๆ ประเทศเริ่มต้นนำความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ ออกมาเป็นจุดขายก่อนไทยแล้ว 

ดังนั้นทุกภาคส่วน ต้องให้ความสำคัญ กับความคิดสร้างสรรค์มาเป็นหัวใจหลักของการต่อยอดสินค้าให้มีความโดดเด่นและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค แต่จุดมุ่งหมายของไทยยังต้องคงเอกลักษณ์ความเป็นไทย 

ทั้งนี้ ครีเอทีฟไทยแลนด์จะจัดขึ้น ตั้งแต่วันที่ 19 -23 ต.ค.นี้ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนาโดยในช่วงเวลาเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ ยังได้จัดงานแสดงสินค้าของขวัญและงานแสดงสินค้าของใช้ในบ้าน2559หรือ งานBIG + BIH 2016 (งานบิ๊ก และ บีไอเอช 2016) นำผู้ประกอบการกว่า 500 บริษัท มานำเสนอผลงานทางด้านดีไซน์ ความคิดสร้างสรรค์ ที่มีคุณภาพมาเปิดเวทีเจรจาการค้าสินค้าไลฟ์สไตล์ระดับนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน 

คาดว่าจะมีผู้ซื้อจากทั่วโลกเข้าร่วมงานกว่า6หมื่นคน และมีมูลค่าการซื้อขายไม่ต่ำกว่า 1,380 ล้านบาท 

“ธนะศักดิ์”ชี้ท่องเที่ยวยังปกติ 

ด้านพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าในช่วงเวลาที่ประเทศไทยมีงานพระราชพิธี การท่องเที่ยวยังเป็นไปตามปกติ แต่ขอความร่วมมืองดบันเทิง งดการร้องรำทำเพลงต่างๆอย่างน้อยก็ในช่วงเวลา 30 วัน ซึ่งการท่องเที่ยวมีหลายด้านทั้งเรื่องสุขภาพ วัฒนธรรม เป็นต้น 

“การท่องเที่ยวเหล่านี้ยังต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่ปกติ โดยกรมท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้จัดเตรียมผ้าดำทำริบบิ้นไปไว้ที่สนามบินให้นักท่องเที่ยวสามารถหยิบไปติด เพื่อถวายความอาลัยได้” 

พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า ในช่วงเวลานี้รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับงานพระราชพิธี หลังผ่านช่วงครบ 7 วัน 15 วันจะค่อยๆเป็นไปตามปกติ นักท่องเที่ยวยังเดินทางได้ปกติและได้ประสานไปทางเอเจนซี่ทั่วโลกว่ากิจการท่องเที่ยวยังดำเนินการได้ แต่ขอให้งดกิจกรรมรื่นเริงไปก่อน เช่น เทศกาลฟูลมูนปาร์ตี้ 

"ศุภชัย" เตือนหยุดกระตุ้นภายในประเทศ 

ด้านนายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ อังก์ถัด (UNCTAD) และอดีตผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO) กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อประเทศไทยกับทศวรรษใหม่แห่งการพลิกโฉมเศรษฐกิจ ภายใต้ความร่วมมือ AEC” ว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นได้เดินมาทางสุดทางแล้ว โครงการที่ช่วยคนจน เกษตรกรหรือคนชรา แต่ยังน่าเป็นห่วงเรื่องการกระตุ้นระยะสั้นที่ไม่สามารถทำต่อเนื่องไปได้ 

การส่งออกยังมีความสำคัญในระยะยาว แม้ในขณะนี้การค้าโลกจะโตต่ำกว่า2.5% ต่ำมากเทียบจีดีพีโลกที่โต2-3% เทียบกับภาวะปกติการค้าโลกจะขยายตัว 6% แต่เราควรให้ความสำคัญกับการส่งออกนอกเหนือจากการกระตุ้นในประเทศ แม้การค้าโลกโตน้อยแต่ยังมีช่องให้การขยายการส่งออก 

ขณะที่การกระตุ้นในประเทศจะมีความจำกัดและกลายเป็นการสะสมปัญหาความไม่สมดุลในระดับชาติ เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยเป็นประเทศเศรษฐกิจเปิด ขณะที่ที่ผ่านมาครัวเรือนไทยถูกกระตุ้นให้เกิดหนี้ครัวเรือนจนถึงระดับ 90% ต่อจีดีพี หากเกิน 100% ต่อจีดีพีเมื่อไรจะน่าวิตกอย่างมากดังนั้นต้องกระตุ้นให้เกิดผลิตภาพให้คนมีเงินเดือนมีรายได้มากขึ้น 

สำหรับเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 นี้อาจจะมีการชะลอตัวของการใช้จ่ายบ้าง แต่เป็นสถานการณ์ของความวิปโยคครั้งใหญ่ ที่มีผลต่อชีวิตและจิตใจประชาชน แต่ไม่ใช่ภาวะที่ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว ซึ่งสามารถทำได้อีกมากในอนาคต เวลานี้ต้องนึกถึงความเป็นปึกแผ่นของบ้านเมืองก่อน และน้อมนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติ 

เขายังกล่าวอีกว่าที่ผ่านมาแม่ว่ารัฐบาลจะลงทุนมามากแล้ว แต่เอกชนก็ยังไม่ได้ลงตามอย่างที่ควรจะเป็น ดังนั้นรัฐบาลต้องเข้าไปดูว่ายังติดขัดอะไรและมีเงื่อนใดที่ทำให้เอกชนไม่อยากลงทุน โดยเฉพาะการสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือการสร้างเส้นทางคมนาคมเชื่อมไปทวายประเทศพม่าที่จะทำให้ประเทศใหญ่ ๆ สนใจเข้ามาลงทุน
ที่มาของข่าว: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.