"สมคิด" สั่งทีมเศรษฐกิจ หามาตรการประคับประคองช่วงไตรมาสสุดท้ายและแผนรับปฏิรูปปีหน้า คลังเตรียมออกมาตรการช่วยเกษตรกรสัปดาห์หน้า
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เรียกทีมงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลหารือในช่วงเช้าวานนี้ (19 ก.ย.) เพื่อหารือสถานการณ์เศรษฐกิจและมาตรการที่จะออกมาเพื่อรับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวและยังมีความเสี่ยงในปีหน้า โดยต้องการให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ถึงปีหน้า การหารือครั้งนี้ นายสมคิดได้รับประทานอาหารเช้าร่วมกันในเมนู “โจ๊ก” ซึ่งเคยมีการประชุมเช่นเดียวกันนี้ในช่วงแรกหลังเข้ารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี แต่ได้ถูกยกเลิกไปเนื่องจากภารกิจของทีมงานค่อนข้างมาก
การหารือมาตรการรองรับเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว หลังจากที่หน่วยงานด้านเศรษฐกิจและบรรดานักวิเคราะห์ประเมินว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างช้าๆ และปัจจัยที่หนุนภาวะเศรษฐกิจยังเป็นด้านการท่องเที่ยวและการลงทุนภาครัฐ
นายสมคิด กล่าวว่า ได้สั่งการให้รัฐมนตรีทุกกระทรวงเศรษฐกิจหาทางประคับประคองเศรษฐกิจไทยด้วยการรักษาสมดุลการเติบโตให้ได้ต่อเนื่อง แม้ต้องเจอกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เหลืออีกเพียง 1 ปีของรัฐบาล ซึ่งจำเป็นต้องดูแลไม่ให้เศรษฐกิจทรุดต่ำลง
นายสมคิด กล่าวว่า ยังต้องเตรียมหามาตรการออกมาช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อย ทั้งกลุ่มเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา และผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) อีกทั้งยังหาทางดูแลเรื่องค่าครองชีพของประชาชนด้วย ซึ่งได้ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปเร่งดำเนินการโดยเร็ว
ทั้งนี้ยังสั่งให้ทุกกระทรวงเร่งไปจัดทำข้อเสนอเกี่ยวกับการปฏิรูปเศรษฐกิจในส่วนงานที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะในกระทรวงที่มีความสำคัญและจำเป็นต่อการปฏิรูปโครงสร้างและกระบวนการทำงาน เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับข้อกฎหมายด้านการปฏิรูปประเทศที่จะออกมาในอีก 3-4 เดือนข้างหน้า ซึ่งหากเรื่องใดที่พิจารณาแล้วว่าเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน จะได้เสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เห็นชอบต่อไป
“ได้เรียกประชุมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับด้านเศรษฐกิจ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลได้แถลงผลงานในช่วง 2 ปีไปแล้ว และจากนี้ไปเหลือเวลาการทำงานอีกเพียง1ปี จึงได้กำชับทุกกระทรวงเร่งทำใน2เรื่องหลัก ทั้งสร้างสมดุลระหว่างการดูแลเศรษฐกิจระยะสั้นและตระเตรียมการปฏิรูปในระยะยาวคือการดูแลรักษาโมเมนตัมของเศรษฐกิจให้ดีต่อไป อีกส่วนก็ให้เตรียมการเรื่องการปฏิรูปการทำงานของทุกกระทรวง เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ต้องคิดล่วงหน้าว่า แต่ละกระทรวงมีโครงสร้างหลายอย่างที่ล้าสมัย มีอะไรบ้างที่ต้องปฏิรูป ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบ้าง ซึ่งต้องคิดไว้ก่อนเมื่อกฎหมายออกมาแล้วจะได้ไม่ต้องเสียเวลา และเสนอต่อนายกฯได้เลย” นายสมคิด กล่าว
ภาคเกษตรไม่ฟื้นกระทบไตรมาส 4
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รัฐบาลประเมินว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะขยายตัวได้มากกว่า 3% ซึ่งถือว่าเป็นการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากที่ปลายปี 2558 จีดีพีอยู่ที่ระดับ 2.8% และไตรมาสที่สองของปีนี้ขยายตัวได้ที่ 3.5%
นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า ในไตรมาสที่ 3 ประเมินว่าเศรษฐกิจชะลอตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากเศรษฐกิจอาจจะชะลอตัวโดยสาเหตุสำคัญมาจากรายได้ของภาคเกษตรยังไม่เพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาพืชผลทางการเกษตรยังไม่ฟื้นตัว อาจส่งผลต่อเนื่องถึงไตรมาสที่ 4 ด้วย แม้โดยปกติในไตรมาสสุดท้ายของปีเศรษฐกิจจะได้รับแรงหนุนจากการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณ
เสนอ ครม.สัปดาห์หน้าช่วยเกษตรกร
นายอภิศักดิ์ กล่าวว่ากระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรเพิ่มเติม โดยทำทั้งสองด้านคือด้านการลดรายจ่ายและการเพิ่มรายได้ ผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.) เพื่อช่วยให้เกษตรกรมีรายได้และสภาพคล่องเพิ่มขึ้น โดยจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้านี้
ส่วนมาตรการการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบขณะนี้อยู่ระหว่างการบรรจุเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ซึ่งทั้งสองมาตรการเป็นมาตรการเพิ่มเติมในการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อยซึ่งได้หารือกับสำนักงบประมาณในเบื้องต้นแล้วว่าสามารถทำได้และกรณีที่เป็นการช่วยเหลือผู้ยากจนและมีรายได้น้อยสามารถจัดสรรให้เป็นกรณีพิเศษ
เร่งเบิกจ่ายงบลงทุนไม่เกิน2ล้าน
นายอภิศักดิ์ กล่าวอีกว่า ได้ประสานงานกับสำนักงบประมาณในการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2560 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณโดยจะให้มีการเบิกจ่ายและทำสัญญาผูกพันงบประมาณให้เร็วที่สุดเพื่อให้เริ่มใช้เงินงบประมาณ รวมทั้งจะมีมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณสำหรับโครงการขนาดเล็กทั่วประเทศที่มีวงเงินในการก่อสร้างไม่เกิน 2 ล้านบาท กำหนดให้มีการเบิกจ่ายภายในวันที่ 30 ธ.ค.2559
“เป็นการขยายวงเงินจากปีงบประมาณก่อนที่มีการเร่งรัดโครงการขนาดไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยเร่งรัดเบิกจ่ายโครงการไม่เกิน 2 ล้านบาท ยังตรงกับข้อกำหนดของกรมบัญชีกลางด้วย ส่วนโครงการขนาดใหญ่ให้มีการเร่งรัดการผูกพันงบประมาณในปีนี้เช่นกัน”
หวังประคองเศรษฐกิจโตต่อเนื่องถึงปีหน้า
นายอภิศักดิ์ กล่าวอีกว่ารัฐวิสาหกิจที่มีโครงการลงทุนต่างๆอยู่ในแผนงานเป็นจำนวนมาก กระทรวงการคลังขอให้สำนักงานนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)ไปประสานงานกับรัฐวิสาหกิจเพื่อเร่งรัดการลงทุนตามแผนการลงทุนที่มีอยู่ให้รวดเร็วขึ้นเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและเป็นตัวอย่างให้เอกชนมีความมั่นใจในการลงทุน
“ปีนี้เศรษฐกิจขยายตัวมากกว่า 3% อยู่แล้วแต่เราต้องการรักษาโมเมนตั้มไม่ให้เศรษฐกิจตกลงไป จึงต้องเตรียมมาตรการในการรองรับ คาดว่าเมื่อหน่วยงานต่างๆมีมาตรการออกมาจะทำให้เศรษฐกิจในช่วงปลายปีขยายตัวต่อเนื่องได้ สิ่งที่อยากเห็นก็คือการลงทุนของภาคเอกชนที่ปัจจุบันยังไม่เพิ่มขึ้นมากนักแม้จะมีมาตรการต่างๆเช่นการหักภาษีได้ 2 เท่าของการลงทุนในปีนี้ตัวเลขยังไม่เพิ่มมาก จึงมองว่าหากสามารถทำให้รัฐวิสาหกิจที่มีมูลค่าสินทรัพย์รวมกันถึง 10 ล้านล้านบาทเท่ากับจีดีพีประเทศ ถ้ารัฐวิสาหกิจมีการลงทุนได้มากขึ้นจะเป็นตัวอย่างที่ดีช่วยสร้างความเชื่อมั่น และช่วยให้เอกชนมีความมั่นใจที่จะลงทุนตามภาครัฐ” นายอภิศักด์ กล่าว
ด้านนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศ กล่าวว่าการประชุมเพื่อหารือถึงภาวะเศรษฐกิจทั่วไป ส่วนภาวะค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในขณะนี้ถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวของเงินตราต่างประเทศตามกลไกของตลาดตามปกติ
คลังออก2 มาตรการช่วยผู้มีรายได้น้อย
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่าได้เสนอ รมว.คลังพิจารณามาตรการเพิ่มสวัสดิการผู้มีรายได้น้อยที่เข้ามาลงทะเบียนกับรัฐบาลไว้ หลังจากมีโครงการอุดหนุนเด็กแรกเกิดไปแล้ว เช่น มาตรการด้านการขนส่ง สาธารณูปโภค ค่าน้ำ ค่าไฟเป็นต้น ซึ่งจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้า
มาตรการแบ่งเป็น 2 แนวทาง คือ การเพิ่มรายได้ และ การเข้าไปช่วยเพิ่มความมั่นคงในการดำรงชีวิตของผู้มีรายได้น้อย คาดว่า มาตรการนี้จะมีผลช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
อย่างไรก็ดี สำหรับผู้มีรายได้น้อยที่จะได้รับสิทธิ์เพิ่มสวัสดิการ นอกจากจะต้องเป็นผู้ที่มาลงทะเบียนขอรับสวัสดิการกับรัฐในช่วงก่อนหน้านี้ และต้องเป็นบุคคลที่อยู่ในเกณฑ์รายได้ที่กำหนดไว้ โดยขณะนี้กรมสรรพากรกำลังตรวจสอบคุณสมบัติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะประกาศรายชื่อในวันที่ 1 ต.ค.นี้
“หากผู้มีรายได้น้อยรายใดไม่ได้มาลงทะเบียนไว้ในรอบนี้ ก็ยังไม่มีสิทธิ์ได้รับสวัสดิการ แต่เราจะเปิดให้มีลงทะเบียนรอบใหม่สำหรับปีหน้า ส่วนมาตรการเพิ่มสวัสดิการนั้น หากเราเห็นว่า มีประโยชน์เราก็จะทำเป็นมาตรการถาวร อย่างไรก็ดี มาตรการที่เราจะเสนอในครั้งนี้ จะเป็นมาตรการปีต่อปี”