สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

พาณิชย์ยอมรับตัวเลขส่งออก อยู่ในกรอบติดลบ 2% อย่างเก่งโต 2%
07/09/2016
ข่าวเศรษฐกิจ
“สุวิทย์” ชี้เศรษฐกิจโลกเปลี่ยน เอกชนไทยต้องปรับตัวตาม มั่นใจแบรนด์ไทยหลายแบรนด์ไปสู่ระดับสากลได้อย่าง “คาราบาวแดง” ด้านสมาคมผู้ส่งออกข้าว สรุปสถานการณ์ช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้พบปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้น 4.7% ส่วนมูลค่าโต 2.5%

นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า แม้ตัวเลขส่งออกไทย และทั่วโลกจะไม่ดีมาก ตามความผันผวนของเศรษฐกิจโลก แต่ส่งออกไทยยังมีความแข็งแกร่ง โดยในปี 2559 ภาครัฐยังตั้งเป้าส่งออกไว้ที่ 5% ซึ่งถือเป็นเป้าการทำงาน แต่ก็คาดว่าในส่วนของตัวเลขส่งออกที่มีความเป็นไปได้น่าจะใกล้เคียงกับตัวเลขของเอกชนที่คาดการณ์ไว้ โดยน่าจะขยายตัวในกรอบ -2% หรือมีมูลค่า 210,064 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ถึง 2% หรือมีมูลค่า 218,630 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพราะเศรษฐกิจของหลายประเทศยังคงมีปัญหา

อย่างไรก็ตามในการประชุมทูตพาณิชย์ เดือนก.ย. 2559 จะมีการมอบนโยบายในการสร้างความสัมพันธ์หลายประเทศ โดยเฉพาะกัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนามและกลุ่มผู้นำเศรษฐกิจเอเชีย คือ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสิงคโปร์, นโยบายของรัฐบาลที่เน้นส่งออกภาคบริการ และการลงทุนในต่างประเทศให้มากขึ้น รวมถึงการให้ทูตพาณิชย์ปรับบทบาทตนเองให้ทำงานได้สอดคล้องกับนโยบาย และต้องทำงานในการหาพันธมิตร หรือจับคู่ธุรกิจให้กับผู้ประกอบการของไทยออกไปลงทุนในต่างประเทศได้ อีกทั้งจะต้องช่วยผู้ประกอบการในการเน้นสร้างศักยภาพของแบรนด์ไทย ให้เข้าสู่ตลาดโลกให้มากขึ้นด้วย

“ขณะนี้ แบรนด์คาราบาวแดง มีศักยภาพและมีความต้องการที่จะเป็นแบรนด์ระดับโลก และผมเชื่อว่ายังมีอีกหลายแบรนด์ไทยที่มีศักยภาพไปสู่ตลาดโลกได้” นายสุวิทย์ กล่าว

ด้านสมาคมผู้ส่งออกข้าว สรุปสถานการณ์การส่งออกข้าวในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2559 (ม.ค.-ก.ค. 2559) พบว่า มีปริมาณรวม 5,438,898 ตัน มูลค่า 85,819 ล้านบาท (2,428 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) โดยปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้น 4.7% และมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น 2.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2558 ที่มีการส่งออกปริมาณ 5,192,870 ตัน มูลค่า 83,753 ล้านบาท (2,566 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)

สำหรับในเดือนสิงหาคมสมาคมฯคาดว่าปริมาณส่งออกข้าวจะอยู่ในระดับประมาณ 500,000 ตัน เนื่องจากในช่วงนี้ภาวะการค้าข้าวในตลาดยังคงซบเซาเพราะประเทศผู้ซื้อที่สำคัญโดยเฉพาะในตลาดแอฟริกายังคงมีกำลังซื้อน้อยซึ่งเป็นผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำรวมถึงนโยบายภายในประเทศที่เป็นอุปสรรคต่อการนำเข้า ทำให้การสั่งซื้อในแต่ละครั้งมีปริมาณไม่มาก ขณะที่บางส่วนหันไปซื้อจากแหล่งที่ราคาถูกกว่าเช่น อินเดีย เป็นต้นหรืออาจจะหันไปบริโภคธัญพืชในประเทศที่มีราคาถูกกว่าแทน “การที่ค่าเงินบาทยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางที่แข็งค่าขึ้นส่งผลให้ราคาข้าวไทยอยู่ในระดับที่สูงกว่าประเทศคู่แข่งด้วย”

ทั้งนี้ราคาข้าวของไทยที่ประกาศโดยสมาคมฯ ณ วันที่ 31 ส.ค. 2559 ข้าวขาว 5% ราคาอยู่ที่ 388 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน (เอฟโอบี) ในขณะราคาข้าวของประเทศคู่แข่งซึ่งรายงานโดยเว็บไซต์ RICEONLINE.COM พบว่าเวียดนามราคาอยู่ที่ 342 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน (เอฟโอบี) อินเดียราคาอยู่ที่ 355 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน (เอฟโอบี) และปากีสถานราคาอยู่ที่ 340 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน(เอฟโอบี)
ที่มาของข่าว: แนวหน้า

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.