สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

'สมคิด'ชี้จีดีพีไตรมาส 2 สะท้อนพื้นฐานเศรษฐกิจแกร่ง
17/08/2016
ข่าวเศรษฐกิจ
"สมคิด" ชี้จีดีพีไตรมาส 2 โต 3.5% สะท้อนพื้นฐานเศรษฐกิจไทยแกร่ง เผยนายกฯพอใจโตต่อเนื่อง เชื่อเอกชนมั่นใจลงทุน ด้านธปท.ประเมินกระทบช่วงสั้น

 

สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาส 2 ขยายตัว 3.5% สูงกว่าการประเมินของสำนักวิจัยและนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้าที่ประเมินว่าจะขยายตัวราว 3.0-3.2% 

ตลาดเงินและตลาดหุ้นตอบรับตัวเลขดังกล่าว โดยตลาดหุ้นขยับขึ้นแดนบวกหลังสศช.รายงานตัวเลข แม้จะมีแรงเทขายในช่วงแรกจากความวิตกเหตุระเบิดในหลายจังหวัดภาคใต้เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยปิดตลาดลดลง 3.53 จุด ปิดที่ 1,549.11 แต่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องอีก 2,631.33 ล้านบาท 

ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าช่วงแรกเช่นเดียวกับตลาดหุ้น แต่ขยับแข็งค่าหลังรายงานตัวเลขจีดีพี โดยปิดตลาดที่ระดับ 34.60 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าสุดในรอบ 1 ปี 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีกว่าคาดหมาย ส่งผลให้หน่วยงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลและนักวิเคราะห์คาดว่าใน 2 ไตรมาสที่เหลือของปีนี้จะขยายตัวได้ดี ซึ่งส่งผลให้การขยายตัวเศรษฐกิจในปีนี้ขยายตัวกว่าคาดการณ์ไว้ 

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าจีดีพีในไตรมาส 2 สะท้อนพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่ง โดยขยายตัวมากกว่าที่หลายสำนักในต่างประเทศคาดการณ์ แม้เศรษฐกิจโลกจะอยู่ในภาวะซบเซา 

นายสมคิด กล่าวว่าได้รายงานตัวเลขเศรษฐกิจให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบ ซึ่งนายกฯได้แสดงความดีใจกับตัวเลขที่เปิดเผยออกมา โดยสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยขยายตัวดีขึ้นตามลำดับ จากปลายปีที่แล้วที่ขยายตัว 2.8% จนมาถึงไตรมาสแรกปี 2559 ขยายตัว3.2% และเพิ่มขึ้นเป็น 3.5% ในไตรมาสนี้ ซึ่งเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ต่อเนื่องนี้คาดว่าจะทำให้ภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นในการลงทุนเพิ่มขึ้น 

“ในขณะนี้ถือว่าเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจติดแล้ว ความมั่นใจประชาชนดีขึ้น การผู้บริโภคดีขึ้น ราคาสินค้าเกษตรเริ่มปรับตัวดี เช่นเดียวกับการส่งออกที่ติดลบน้อยลง ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐก็เร่งปรับตัวดี ต้องขอบคุณข้าราชการทุกฝ่ายที่พยายามทำงาน และต้องยกเครดิตให้กับนายกฯ ซึ่งขับเคลื่อนมาตรการต่างๆ ออกมาเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้”นายสมคิดกล่าว 

ประเมินระเบิดภาคใต้กระทบช่วงสั้น 

นายสมคิด กล่าวถึงเหตุการณ์ระเบิดในหลายพื้นที่ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าเป็นผลกระทบระยะสั้น และทางการกำลังสืบสวนหาสาเหตุ จึงไม่อยากให้เกิดความหวั่นไหวมาก เพราะเชื่อว่ารัฐบาลสามารถดูแลสถานการณ์ได้ดีอยู่แล้ว ขณะที่พื้นฐานของเศรษฐกิจไทยที่มีความแข็งแรงอยู่ในตอนนี้ ก็เชื่อว่ากรณีดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบกับภาพรวมเศรษฐกิจ 

อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)ไปหาทางการดูแลสถานการณ์การท่องเที่ยวของไทยให้ขยายตัวตามเป้าหมายที่กำหนด โดยเฉพาะตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติต้องไม่ตกลงหลังเกิดเหตุการณ์ระเบิดขึ้นในพื้นที่ท่องเที่ยว 

“ใครก็ตามที่คิดว่ามาบ่อนทำลายด้วยวิธีนี้ ถ้าคนไทยส่วนใหญ่มีความมั่นใจในเศรษฐกิจเสียอย่าง ก็ไม่ต้องกังวลมาก อยากให้คนไทยมั่นใจ ไม่อยากให้ประมาท เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางการกำลังหาสืบสวนหาสาเหตุกันอยู่ โลกยุคปัจจุบันเป็นอย่างนี้ เราต้องระมัดระวังทุกฝ่ายและต้องดูแลเรื่องนี้ด้วย โดยพื้นฐานเศรษฐกิจตอนนี้ที่แข็งแรงจะไม่เกิดผลกระทบอะไร และเชื่อว่า เร็ววันนี้จะกลับเข้าสู่ภาวะปรกติ" 

คลังมั่นใจ“จีดีพี”ทั้งปีโตเกิน 3.3% 

นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้น่าจะเติบโตได้มากกว่าเป้าหมายที่กระทรวงการคลังตั้งไว้ที่ 3.3% หลังจาก สศช. ประกาศจีดีพีไตรมาสสองที่ขยายตัวได้ถึง 3.5% และ ประชามติก็ผ่านแล้ว ซึ่งเชื่อว่าเศรษฐกิจในไตรมาส 3-4 ของปีนี้จะเฟื่องฟู โดยการลงทุนภาครัฐและเอกชน รวมถึง การท่องเที่ยว จะเป็นตัวนำเศรษฐกิจ 

ส่วนผลกระทบจากเหตุการณ์พื้นที่แหล่งท่องเที่ยวในช่วงที่ผ่านมานั้น เท่าที่ประเมิน ไม่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ เพราะจากการตรวจสอบนักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่มีการยกเลิกการท่องเที่ยวในไทย 

สั่ง สศค.หามาตรการฟื้นท่องเที่ยว 

นายสมชัยกล่าวว่าได้สั่งการให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)ไปศึกษามาตรการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวเพิ่มเติม ซึ่งอาจจะนำมาใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ โดยมอบแนวทางมาตรการ เช่น การนำระบบประกันการท่องเที่ยวเข้ามาใช้ เพื่อดูแลด้านความเสี่ยงของนักท่องเที่ยว โดยจะร่วมหารือกับกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อหาข้อสรุปในเรื่องดังกล่าว 

“ผมได้สั่งการให้สศค.ประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากเหตุการณ์ดังกล่าวอีกรอบและให้เตรียมมาตรการดูแลเพื่อให้ภาคท่องเที่ยวทำรายได้ให้กับประเทศ แต่เท่าที่ทราบจากสศค.เขาประเมินว่ายังไม่มีผลกระทบจนต้องมีมาตรการใหม่ๆออกมาช่วย แต่เพื่อสร้างความมั่นใจเราก็เตรียมมาตรการไว้ก่อนถ้าจำเป็นก็เอามาใช้ได้” 

ธปท.เชื่อท่องเที่ยวกระทบช่วงสั้น 

นายเมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า เหตุระเบิดใน 7 จังหวัดทางภาคใต้ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หากทางการสามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้และไม่มีเหตุการณ์ซ้ำขึ้นอีก เชื่อว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยคงไม่มากนัก ระยะสั้นอาจกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวบ้าง แต่ก็คงจะฟื้นตัวกลับมาได้เร็ว เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต 

“ผลกระทบคงมีบ้าง แต่ภาคการท่องเที่ยวของเรา จากประสบการณ์หลายๆ ครั้ง จะเห็นว่าฟื้นตัวกลับมาได้เร็ว ส่วนจะมีผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจหรือไม่ ยังต้องรอดูว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป หากไม่เกิดอะไรขึ้นอีก การท่องเที่ยวฟื้นกลับมาได้เร็ว ผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจก็คงไม่ได้มากนัก เพราะแม้นักท่องเที่ยวจะพักการเดินทางมาไทยในตอนนี้ แต่อนาคตก็อาจจะกลับมาใหม่ได้” 

สำหรับผลต่อการลงทุนนั้น เชื่อว่าไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่มองภาพการลงทุนในระยะยาว 

บาทแข็งจากตัวเลขศก.ดีกว่าคาด 

ส่วนค่าเงินบาทไทยที่วันนี้ (15ส.ค.) แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง แม้จะเกิดเหตุระเบิดขึ้นนั้น นายเมธี กล่าวว่า น่าจะเป็นปฏิกริยาที่ตอบรับต่อตัวเลขเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 ที่สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ประกาศออกมาดีกว่าที่นักลงทุนคาดการณ์เอาไว้ ทำให้เหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นไม่ได้กระทบต่อค่าเงินบาทมากนัก 

นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 2 ที่ออกมาเติบโต 3.5% ถือว่าดีกว่าที่สำนักวิจัยส่วนใหญ่คาดการณ์เอาไว้ และทาง ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเองก็คาดการณ์ว่า การเติบโตจะอยู่ที่ประมาณ 3.2% โดยตัวที่ออกมาดีกว่าคาดการณ์ คือ การบริโภคภาคเอกชน ซึ่งเป็นผลจากยอดขายในภาคอสังหาริมทรัพย์และรถยนต์ออกมาค่อนข้างดี 

อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามดูว่าการบริโภคภาคเอกชน จะขยายตัวได้ต่อเนื่องหรือไม่ เพราะการเติบโตที่มากกว่าคาดในไตรมาส 2 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการภาครัฐ โดยเฉพาะมาตรการที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งหมดไปแล้ว ขณะที่ยอดขายรถยนต์ในช่วงครึ่งปีหลังจะเริ่มเข้าสู่ฐานที่สูงขึ้น เนื่องจากปีที่แล้วมีเรื่องภาษีสรรพสามิตรถยนต์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในปีนี้ ทำให้ผู้บริโภคเร่งซื้อรถยนต์ในช่วงปลายปี ทำให้ฐานปลายปีอยู่ในระดับค่อนข้างสูง 

“ยอดขายรถยนต์ไตรมาส 2 ที่ดีขึ้นส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการรถยนต์คันแรกที่เริ่มทยอยหมดลง แต่ยังต้องรอดูปลายปีเพราะปีที่แล้วฐานค่อนข้างสูง และถ้าดูจากคาดการณ์การขายรถยนต์ในหลายๆ ค่าย ดูเหมือนว่าจะมองปีนี้ไม่เติบโตมากนัก” 

ศูนย์วิจัยกสิกรจ่อปรับเพิ่มจีดีพี 

นายเชาว์ กล่าวว่า ด้วยตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 2 ซึ่งออกมาดีกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรฯ อาจทบทวนปรับคาดการณ์การเติบโตเพิ่มขึ้น แต่จากเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา ทำให้ทางศูนย์วิจัยฯต้องติดตามดูสถานการณ์ผลกระทบ 

“ตัวเลขครึ่งปีแรกเศรษฐกิจไทยก็เติบโตแล้ว 3.4% จึงมีความเป็นไปได้ที่ทั้งปีจะโตมากกว่า 3% ตามที่เราคาดการณ์เอาไว้ ซึ่งเราก็มีแผนจะปรับคาดการณ์เศรษฐกิจเพิ่มเช่นกัน แต่จากเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้น ทำให้เราอยากรอดูก่อนว่าพัฒนาการจะไปอย่างไร กระทบต่อการเติบโตมากน้อยแค่ไหน หลังจากนั้นจึงค่อยมาพิจารณาปรับคาดการณ์จีดีพีในปีนี้ใหม่” 

บาทแข็งค่าสุดรอบ1ปี 

สำหรับการเคลื่อนไหวเงินบาท วานนี้ (15 ส.ค.) ช่วงเช้าเปิดตลาดที่ 34.70 บาทต่อดอลลาร์ ก่อนจะแข็งค่าขึ้นในช่วงสายๆ ของวัน หลังจากที่ สศช. ประกาศตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 2 ออกมาดีกว่าคาด และมาปิดตลาดที่ระดับ 34.60 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับแข็งค่าสุดในรอบ 1 ปี นับจากปลายเดือนก.ค.2558 

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ รองผู้อำนวยการ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น และรอดูตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ ถ้าลดลงไปต่ำกว่า1%(นับรวมสินค้าพลังงานและอาหาร) มีความเป็นไปได้ที่ค่าเงินดอลลาร์จะถูกเทขายต่อ และมองกรอบค่าเงินในสัปดาห์นี้ยังแข็งค่าต่อเนื่องในกรอบ 34.50-35.85บาทต่อดอลลาร์ 

อย่างไรก็ตามหากเงินบาทแข็งเร็วขึ้นอีก คาดว่าทางการเข้ามาดูแลเสถียรภาพค่าเงินเพิ่มเติมจากสัปดาห์ที่ผ่านมาเห็นแรงซื้อค่อนข้างมากถึง 2,000 ล้านดอลลาร์ ดังนั้นค่าเงินบาทไม่น่าจะหลุดกรอบล่างและช่วงกลางสัปดาห์แรงซื้อดอลลาร์น่าจะกลับมาฟื้นตัวได้
ที่มาของข่าว: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.